5 อันดับรถสปอร์ตที่เร็วที่สุดในโลก

5 อันดับรถสปอร์ตที่เร็วที่สุดในโลก

5 อันดับรถสปอร์ตที่เร็วที่สุดในโลก
5 อันดับรถสปอร์ตที่เร็วที่สุดในโลก

รถสปอร์ต คือรถในฝันของใครหลายคน เพราะด้วยดีไซน์สุดหรู เฉี่ยว คม และทำให้ผู้ขับขี่เท่ขึ้นในพริบตา ซึ่งปัจจุบันรถซูเปอร์คาร์มีหลากหลายยี่ห้อให้เลือก โดยแต่ละค่ายรถจะมีสมรรถนะไม่ค่อยห่างไกลกันมากนัก เรียกได้ว่าตามหลังมาติด ๆ แต่การเลือกซื้อขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคนว่าเป็นสาวกของค่ายไหน ส่วนค่ายดัง ๆ ในปัจจุบันและคุ้นหูของคนทั่วไปคือ แลมโบกินี่, เฟอร์รารี่, แมคลาเรน หรือ พอร์ช เป็นต้น

ซูเปอร์คาร์ มีความแตกต่างจากรถธรรมดาตรงไหน ทำไมมีความเร็วมากกว่ารถธรรมดา

รถสปอร์ต ซึ่งได้ชื่อว่า รถหรู มีความแตกต่างจากรถธรรมดาและถือว่าเป็นจุดเด่นคือ จะมีแรงม้าไม่ต่ำกว่า 600 ทำให้มีอัตราเร่งตั้งแต่ช่วง 0 – 4 อยู่ที่ไม่เกิน 4 วินาที อีกทั้งยังมีน้ำหนักเบาและควบคุมรถได้ง่ายมากกว่ารถทั่วไป ทำให้การขับขี่คล่องตัวมากกว่า อีกทั้งเต็มไปด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ ซึ่งช่วยให้การขับขี่ทางไกลสนุก 

ค่ายไหนติด 5 อันดับ SuperCar ที่ได้ชื่อว่าเร็วที่สุดในโลก 

สำหรับ 5 อันดับ รถซูเปอร์คาร์ ที่ได้ชื่อว่าเป็นรถที่มีความเร็วที่สุดในโลก ในปี 2021 ยังคงมาจากค่ายรถชื่อดัง ที่หลายคนคุ้นหู สำหรับ 5 รถสปอร์ตที่มีความเร็วสูงที่สุดในโลกมีดังนี้

1. SSC Tuatara

SSC Tuatara
SSC Tuatara

Tuatara จากค่าย Shelby SuperCar ค่ายรถสปอร์ตยักษ์ใหญ่สัญชาติอเมริกัน ได้ชื่อว่าเป็นจรวดทางเรียบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพิ่งทำสถิติด้วยความเร็วสูงถึง 508 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยมาพร้อมกับเครื่องยนต์สุดแรงที่ V8 กระบอกสูบที่่ 5.9 ลิตร พร้อมเทอร์โบคู่ ซึ่งสามารถควบแรงได้มหาศาล เนื่องจากมีมากถึง 1,750 แรงม้า และจากผลการทดสอบที่ผ่านมาเจ้าตัว SSC Tuatara สามารถทำลายสถิติเดิมของ Koenigsegg Agera RS ซึ่งเคยเป็นเจ้าของสถิติรถที่ทำความเร็วได้มากที่สุดในโลกมาอันดับลงแทบไม่เห็นฝุ่น โดยเคยทำไว้ที่ความเร็วที่ 447.19 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อย่างไรก็ตามถึงแม้เจ้าตัว SSC Tuatara ขึ้นรับตำแหน่งรถสปอร์ตที่มีความเร็วสูงที่สุดในโลกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ยังมีเสียงทักท้วงว่าอาจจะทำให้ผลการทดสอบเกิดความผิดพลาด ทำให้ล่าสุดทางด้าน Jerod Shelby ผู้บริหารของ SSC ออกมาประกาศว่าจะทดสอบความเร็วอีกครั้ง เพื่อพิสูจน์ว่าเจ้าตัวนี้ดีมากแค่ไหน ซึ่งสามารถจับจองเป็นเจ้าได้ในราคาที่ 43.8 ล้านบาท และมีเพียงแค่ 100 คันบนโลกเท่านั้น 

2. Bugatti Chiron Super Sport 300+

Bugatti Chiron Super Sport 300+
Bugatti Chiron Super Sport 300+

ซูเปอร์คาร์เครื่องยนต์เบนซิน 16 สูบ ซึ่งมาพร้อมกับเทอร์โบ 4 ลูก ส่วนความแรงไม่ต้องพูดถึง เพราะได้มาถึง 1,600 แรงม้า จึงทำให้สามารถปราดเปรียวไปบนท้องถนนที่ความเร็วสูงสุดครั้งแรก 482.8 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทันที และล่าสุดสามารถมีสถิติทำความเร็วได้สูงสุดที่ 490.48 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยฝีมือของ Andy Wallace นักขับชื่อดังชาวอังกฤษ โดยรุ่นนี้ผลิตออกมาแค่ 30 คันทั่วโลกเท่านั้น ราคา 117 ล้านบาท 

3. Hennessey Venom F5

Hennessey Venom F5
Hennessey Venom F5

ซูเปอร์คาร์ ยังคงติดท็อป 5 รถที่เร็วและแรงที่สุดในโลกเหมือนเดิม ด้วยสถิติที่เคยทำไว้ 484.41 กิโลเมตร ต่อชั่วโมง ส่วนองค์ประกอบของเครื่องยนต์อยู่ที่ เครื่องยนต์ขนาด 7.4 ลิตร ซึ่งมาพร้อมกับเทอร์โบชาร์จคู่ V8 พร้อมกับแรงควบที่ 1,600 แรงม้า ทั้งนี้จุดเด่นของ Venom F5 คือสามารถเร่งจาก 0 – 400 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายในเวลา 30 วินาทีเท่านั้น ส่วนเรื่องราคาอยู่ที่ 50 ล้านบาท โดยมีแค่ 24 คันทั่วโลก

4. Koenigsegg Agera RS 

Koenigsegg Agera RS
Koenigsegg Agera RS

ซูเปอร์คาร์จากแดนไวกิ้งซึ่งครั้งหนึ่งเคยขึ้นสู่แท่นมาวินความเร็วสูงสุด หลังจากทำได้มากถึง 447 กิโลเมตต่อชั่วโมง โดยมาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด V8 ความจุ 5 ลิตร โดยให้กำลังมากถึง 1,600 แรงม้า แถมยังออกแบบมาเพื่อรองรับ E85 อีกด้วย และความเร็วของเจ้าตัวนี้ถูกบันทึกไว้ที่ กินเนสส์บุ๊ค ซึ่งเป็นหนังสือที่จะบันทึกสถิติต่าง ๆ ทั่วโลก ซึ่งเจ้าตัวมีราคาอยู่ที่ 171 ล้านบาท ยังไม่รวมภาษี มีทั้งหมด 25 คันทั่วโลก

5. Hennessey Venom GT 

Hennessey Venom GT
Hennessey Venom GT

ซูเปอร์คาร์น่าสนใจอีกตัวจากค่าย Hennessey ถือว่ายังเกาะกลุ่มท็อป 5 รถที่แรงและมีความเร็วที่สุดในโลกมาอย่างเหนียวแน่น ด้วยเครื่องยนต์ 7 ลิตร พร้อมกับเทอร์โบคู่ V8 แถมทางด้าน Hennessey จัดมาให้ 1,244 แรงม้า ทำให้รถคันนี้น่าสนใจมากทีเดียว ส่วนสถิติความเร็วที่เคยทำได้อยู่ที่ 435 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่การเป็นเจ้าของรถคันนี้ไม่ง่าย เพราะทาง Hennessey ผลิตออกมาแค่ 16 คันทั่วโลก ส่วนราคาขายปัจจุบันอยู่ที่ 42 ล้านบาท 

โดยรถทั้ง 5 รุ่น มีดีไซน์เท่ และน่าสนใจมากที่สุด แถมสมรรถนะที่ติดมากับตัว เรียกได้ว่าทำให้เหล่าบรรดาคนรักซูเปอร์คาร์อยากจับจองในทันที ส่วนในอนาคตต้องรอลุ้นกันต่อไปว่า จะมีค่ายไหนสามารถทำสถิติความเร็วของทั้ง 5 คันลงได้หรือไม่

Share To :

Facebook
Twitter
Pinterest
Email