Categories
รวมบทความ

เช็ค 5 อันดับ มหาลัยที่ดีที่สุดในโลก 2023

มหาลัยที่ดีที่สุดในโลก ที่เรานำมาฝากในวันนี้ เป็นแนวทางเผื่อท่านใดที่สนใจจะเข้าศึกษาต่อในฐานะนักศึกษาของ มหาลัยระดับโลก จะมีที่ไหนบ้างมาดูกันเลย

มหาลัย ที่ดีที่สุดในโลกวัดจากอะไร

มหาลัยที่ดีที่สุดในโลก

มหาลัยที่ดีที่สุดในโลก2023 เป็นไปตามเกณฑ์การตัดสินใจที่ครอบคลุมพันธกิจหลักของสถานศึกษาทั้งหมด ได้แก่ คุณภาพการวิจัย การสอน การอ้างที่มีอิทธิพลต่องานวิจัย และมุมมองระหว่างประเทศ ซึ่งคะแนนการ จัดอันดับมหาลัยโลก สามารถดูได้จากผลงานที่ทำออกมา รวมไปถึงแนวคิด ทฤษฎี และผลลัพธ์ ที่สะท้อนออกมาของงานวิชาการ โดยส่วนใหญ่มหาวิทยาลัยชั้นนำมักจะรวมตัวกันอยู่ในยุโรป อเมริกา หรือประเทศอังกฤษ

อัพเดต 5 มหาลัยที่ดีที่สุดในโลก ล่าสุด

1.มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด : สหรัฐอเมริกา

มหาลัยที่ดีที่สุดในโลก

มหาลัยที่ดีที่สุดในโลกปี 2022-2023 เป็นอุดมศึกษาที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศ และยังเป็น มหาลัยอันดับ1ของอเมริกา อีกด้วย มีสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการศึกษาที่ครบครัน โดยห้องสมุดของมหาลัยถือเป็นศูนย์กลางทางวิชาการที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีหนังสือรวมกันราว ๆ 19 ล้านเล่ม ซึ่งสาขาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ สังคมศาสตร์, ชีววิทยา/วิทยาศาสตร์ชีวภาพ, ประวัติศาสตร์ คณิตศาสตร์ และ จิตวิทยา สำหรับศิษย์เก่าที่มีชื่อเสียงได้รวมตัวกันที่นี่มากมายไม่ว่าจะเป็น บิล เกตส์,จอห์น เอฟ. เคนเนดี้ หรือ เชอร์รีล แซนด์เบิร์ก

2.สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ : สหรัฐอเมริกา

หนึ่งใน มหาลัยที่เข้ายากที่สุดในโลก ที่มีผลงานวิจัยคุณภาพออกมาให้เห็นมากมาย ซึ่งผู้ที่เข้าศึกษาส่วนใหญ่จะได้รับประสบการณ์ในห้องวิจัยและห้องทดลองอย่างคุ้มค่า มีชื่อเสียงในด้าน สถาปัตยกรรม, วิศวกรรมศาสตร์, การบินและอวกาศ, วิศวกรรมการแพทย์และวิทยาศาสตร์, ชีววิทยา ตลอดจน รัฐศาสตร์ สำหรับศิษย์เก่าที่มีชื่อเสียงมีทั้ง บัซ อัลดริน(ผู้ที่เหยียบดวงจันทร์เป็นคนที่ 2 ของโลก),แอนเดรีย หว่อง และ โคฟี อันนัน เป็นต้น

3.มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด : สหรัฐอเมริกา

มหาลัยที่ดีที่สุดในโลก

มหาวิทยาลัยที่เก่าแก่กว่า 100 ปี ของอเมริกา ได้ถูก จัดอันดับมหาลัยโลก อยู่ในอันดับ 3 ขณะนี้ มีชื่อเสียงทางด้านงานวิจัยที่สูงมาก หลักสูตรยอดนิยมของที่นี่ได้แก่ คอมพิวเตอร์, ชีววิทยา และวิศวกรรมศาสตร์ นักศึกษาส่วนใหญ่ที่จบการศึกษาไปจะได้รับเงินเดือนเริ่มต้นอยู่ที่ 70,400 เหรียญ ศิษย์เก่าที่มีชื่อเสียงได้แก่ เฮอร์เบิร์ต ฮูเวอร์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนที่ 31 หรือ แลร์รี เพจ ผู้ร่วมก่อตั้ง Google เป็นต้น

4.มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ : สหรัฐอเมริกา

มหาลัยที่ได้รับคะแนน 88.7 แต้มในปีนี้ มีสาขาหลากหลายให้ผู้เรียนได้เลือกมากมาย ซึ่งหลักสูตรการเรียนที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคือ วิศวกรรมไฟฟ้าและวิทยาการคอมพิวเตอร์, เศรษฐศาสตร์, รัฐศาสตร์ และ บริหารธุรกิจ ที่สำคัญสถานที่ของมหาวิทยาลัยนั้นยังได้ทำการวิจัยและดำเนินการทางด้านชีววิทยาอีกด้วย โดยจะเน้นไปที่ด้านพฤกษศาสตร์, สัตววิทยา หรือ ระบบนิเวศ 

5.มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด : สหราชอาณาจักร

หนึ่งในมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดในโลก และมีชื่อเสียงทางด้านมีวิชาการมากมาย มีจุดเด่นทางด้าน คณิตศาสตร์, วิทยาศาสตร์ชีวภาพ, การแพทย์ และ มนุษยศาสตร์ ที่สำคัญยังมีระบบห้องสมุดแหล่งรวมความรู้ทางด้านวิชาการที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ การันตีด้วยสมุดกว่า 11 ล้านเล่ม นอกจากนี้ภายในยังมีพิพิธภัณฑ์ที่เก่าแก่ที่สุดในสหราชอาณาจักร ซึ่งจะรวมไปด้วยของเก่าแก่ทางประวัติศาสตร์ ชิ้นงานศิลปะและโบราณคดี สำหรับศิษย์เก่าที่มีชื่อเสียงได้แก่ สมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลลาห์ที่ 2 แห่งจอร์แดน, โทนี่ แอ็บบ็อตต์ อดีตนายกรัฐมนตรีของออสเตรเลีย หรือ เซอร์ จอห์น เกอร์ดอน นักวิทยาศาสตร์รางวัลโนเบล เป็นต้น

บทสรุปของมหาลัยที่ดีที่สุดในโลก 

มหาลัยที่ดีที่สุดในโลกเป็นแหล่งรวมตัวของนักศึกษาหัวกะทิ ที่พยายามพัฒนาสิ่งต่าง ๆ ให้มีความก้าวหน้าขึ้นอยู่เสมอสำหรับงานวิจัยต่าง ๆ ของพวกเขา ซึ่งจะเห็นได้ชัดว่าไม่ว่าจะเป็น มหาลัยอันดับ1 ของโลก หรือมหาลัยอื่น ๆ ที่เรายกหยิบยกข้อมูลกันมาฝาก ล้วนแล้วแต่มีศิษย์เก่าที่มีชื่อเสียงระดับโลกและประเทศ ที่ประสบความสำเร็จในด้านทางเดินของพวกเขามากมาย อย่างไรก็ตามเราไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่าหลาย ๆ เหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นบนโลกนั้น จำเป็นต้องมีบุคลากรหรือผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้สูงจากการศึกษาของมหาวิทยาลัยเหล่านี้ เข้ามามีบทบทอยู่เสมอ

อ่านบทความจัดอันดับอื่น ๆ >> จัดอันดับ 5 หนังสงคราม ที่ดีที่สุดตลอดกาล

รู้ก่อนเดินทางกับ 5 เมืองที่ปลอดภัยที่สุดในอเมริกา

Categories
รวมบทความ

จัดอันดับ 5 หนังสงคราม ที่ดีที่สุดตลอดกาล

หนังสงคราม ที่เราจะมานำเสนอวันนี้ เป็นเหตุการณ์ที่มีเค้าโครงจากเรื่องจริงอย่าง สงครามโลก หรือ สงครามยุคอื่น ๆ จะมีหนังเรื่องไหนที่น่าสนใจบ้าง มาดูกันเลย

หนังสงครามให้อะไรแก่ผู้ชม

หนังสงคราม

หนังสงครามเป็นสิ่งที่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ ที่พยายามถ่ายทอดเรื่องราวผ่านบทบาทนักแสดง เบื้องหลังความขัดแย้ง ความระทึกใจ ความเสียสละ และความกล้าหาญของผู้คน ที่แม้จะเต็มไปด้วยเรื่องราวความเจ็บปวดในอดีต แต่สิ่งก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า หนังสงครามที่ดีที่สุด ที่ทำออกมาแต่ละเรื่องนั้น ล้วนให้ข้อคิดและความรู้กับคนรุ่นหลัง ว่าสงครามที่ผ่านมาโหดร้ายแค่ไหน และผู้คนในยุคก่อนต้องเผชิญกับการสูญเสียอะไรบ้าง

ปักหมุด 5 หนังสงคราม มันส์ ๆ ที่บู๊ไม่ควรพลาด

1.Midway (2019)

หนังสงคราม

เปิดตัวด้วย หนังสงครามที่ดำเนินเรื่องการสู้รบของ สงครามโลกครั้งที่ 2 ระหว่าง กองทัพสหรัฐอเมริกาและกองทัพญี่ปุ่น โดยจะย้อนไปให้เห็นภาพเหตุการณ์ของการโจมตีอ่าวเพิร์ลฮาร์เบอร์ที่ทำให้ชาวอเมริกันต้องสูญเสียกองกำลังไปไม่น้อย ทำให้พวกเขาต้องโต้ตอบกองทัพญี่ปุ่นอย่างเด็ดขาด ด้วยการส่งหน่วยเฉพาะกิจไปปฏิบัติหน้าที่ จุดพลิกผันที่ทำให้เกิดการสิ้นสุดของสงครามจึงได้เกิดขึ้น

2.LAST DAYS IN VIETNAM (2014)

หนังสงคราม

หนังสงครามเวียดนาม ที่บอกเล่าเรื่องราวในสัปดาห์สุดท้ายของสงคราม สื่อให้เห็นถึงช่วงชีวิตของทหารอเมริกันและผู้คน ที่ต้องเผชิญกับความยากลำบาก เมื่อกองทัพเวียดนามเหนือทำการปิดล้อมไซง่อนเพื่อต่อต้านเวียดนามใต้ ทำให้ชีวิตของชาวเวียดนามใต้ในขณะนั้นแขวนอยู่บนเส้นด้าย ในอีกฟากฝั่งทางกองทัพสหรัฐต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก และต้องทำภารกิจเพื่อช่วยชาวเวียดนามใต้ให้ได้มากที่สุด ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่แสดงให้เห็นถึงคุณธรรมและความเลวร้ายของสงครามได้อย่างดี

3. 12 Strong (2018)

หนังสงครามอัฟกานิสถาน ที่สะท้อนให้เห็นความเชื่อมโยงของเหตุการณ์ 911 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นให้เกิดสงครามกลางเมืองอย่างยาวนานในตะวันออกกลาง โดยการก่อวินาศกรรมดังกล่าวทำให้ทางการสหรัฐต้องส่งหน่วยรบพิเศษ เพื่อทวงความยุติธรรมให้แก่ผู้บริสุทธิ์ ท่ามกลางความเสี่ยงของผู้ก่อการร้ายในพื้นที่

4. Operation Chromite (2016)

หนังสงครามเกาหลี ระหว่างฝ่ายเหนือและฝ่ายใต้ ที่มีตัวแทนของกองทัพรัสเซียและกองทัพอเมริกาหนุนหลัง เพื่อแย่งชิงการปกครองในสมัยนั้น โดยเป็นเรื่องราวของทีมสายลับที่ถูกส่งไปอินชอน เพื่อสืบหาข้อมูลทางด้านการทหารของเกาหลีเหนือ มีทั้งความตื่นเต้น ลุ้นระทึกใจ และเข้มข้น  

5. 300 (2006)

ปิดท้ายด้วย หนังสงครามเก่าๆ ที่เป็นเรื่องราวของกษัตริย์เลโอนิดาสแห่งสปาร์ตา ที่ต้องแบกรับภาระและความกล้าหาญไปพร้อมกับทหารเพียง 300 นาย เพื่อต่อสู้กับนักรบเปอร์เซีย และเป็นปัจจัยหลักให้ชาวกรีกเกิดแรงบันดาลใจ จนนำไปสู่ระบอบประชาธิปไตยนั่นเอง

เสน่ห์ของหนังสงคราม 

หนังสงครามทั้ง 5 เรื่อง ไม่เพียงแต่เผยออกมาแค่ความรุนแรงและความสะเทือนใจในอดีตเท่านั้น เพราะยังมีเรื่องราวต่าง ๆ ที่สอดแทรกให้เห็นถึงความประทับใจ ความเสียสละ ความกล้าหาญ อย่างที่คนเราอาจจะไม่เคยได้เห็นหรือสัมผัสในชีวิตจริง อย่างไรก็ตามทางเราหวังอย่างยิ่งว่าทุกท่านจะได้รับชม หนังสงครามสนุกๆ ที่คัดสรรมาให้ รับรองว่าคุณภาพของภาพยนตร์เหล่านี้ จะไม่ทำให้คุณผิดหวังอย่างแน่นอน

อ่านบทความจัดอันดับอื่น ๆ >> สายกินห้ามพลาดกับ 5 ประเทศที่อาหารอร่อยที่สุดในโลก

ส่อง 5 เมืองที่หนาวที่สุดในโลก 2023 

Categories
รวมบทความ

สายกินห้ามพลาดกับ 5 ประเทศที่อาหารอร่อยที่สุดในโลก 

ประเทศที่อาหารอร่อยที่สุดในโลก เป็นสถิติจากผู้ตอบแบบสำรวจทั่วโลก ที่มีความเห็นตรงกันมากที่สุด ซึ่งภูมิภาคไหนจะเป็นแหล่งรวมของ อาหารที่อร่อยที่สุดในโลก มาดูกันเลย

เสน่ห์ที่แตกต่างของประเทศที่อาหารอร่อยที่สุดในโลก 

ประเทศที่อาหารอร่อยที่สุดในโลก

สำหรับ ประเทศที่อาหารอร่อยที่สุดในโลก ล้วนมีความอร่อยและเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันไป ซึ่งส่วนใหญ่จะสอดคล้องกับการดำรงชีวิตและพื้นที่ในภูมิภาคนั้น ๆ อย่างเช่นประเทศจีนก็จะนิยมเรื่องเมนูเส้น ประเทศอินเดียจะขึ้นชื่อเรื่องเครื่องเทศ หรือประเทศฝรั่งเศสจะมีชื่อเสียงขนมปัง และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลามาดูกันเลยดีกว่าว่าคำตอบของ อาหารประเทศอะไรอร่อยที่สุดในโลก จะอยู่ที่ไหนบ้าง

5 ประเทศที่อาหารอร่อยที่สุดในโลก รสชาติถูกปากคนส่วนใหญ่

1.อิตาลี

ประเทศที่อาหารอร่อยที่สุดในโลก

ครองอันดับ 1 ของประเทศที่อาหารอร่อยที่สุดในโลก เนื่องจากมีรสชาติดึงดูดต่อมรับรสของผู้คนมานานแสนนาน นอกจากนี้ยังมีมะเขือเทศที่นำมาใช้ปรุงอาหารรสเผ็ดร้อน โดยพื้นฐานแล้วอาหารส่วนใหญ่มักมีส่วนประกอบของครีม น้ำมันมะกอก กระเทียม แป้ง ไวน์ เป็นต้น สำหรับเมนูที่เป็นที่รู้จักทั่วโลกนั้นได้แก่ พิซซ่า พาสต้า ลาซานย่า 

2.เม็กซิโก

ประเทศที่อาหารอร่อยที่สุดในโลก

ประเทศที่อาหารเผ็ดที่สุดในโลก และยังมีความอร่อยของเมนูตามมาเป็นอันดับ 2 เพราะในเม็กซิโกนั้นขึ้นชื่ออย่างมากในเรื่องเครื่องเทศ ซึ่งเป็นสูตรการปรุงรสมาตั้งแต่ดั้งเดิม ส่วนผสมหลักจะใช้ ชิลีเปปเปอร์ ข้าวโพด มะเขือเทศ ผักชีและออริกาโนเม็กซิกัน เป็นหลัก อีกหนึ่งสิ่งที่ต้องทานควบคู่เลยคือแป้งตอติญ่าที่ไม่เหมือนใคร สำหรับเมนูยอดนิยมทั่วโลกได้แก่ ทาโก้ เบอร์ริโต้ และ สตูว์ไก่

3.สเปน

มักจะมีเมนูติดอยู่ใน 50 อันดับอาหารที่อร่อยที่สุดในโลก เสมอ มีการปรุงอาหารจากการผสมผสานของประเพณีดั้งเดิมเข้ากับความทันสมัยได้อย่างลงตัว มี ซุปที่อร่อยที่สุดในโลก อย่าง กัซปาโช มาการันตี สำหรับเครื่องปรุงส่วนใหญ่มักจะใช้ น้ำมันมะกอก ปาปริก้า กระเทียม มะเขือเทศ และหัวหอม ทานกับเนื้อสัตว์และผักอย่างลงตัว สร้างสรรค์เป็นเมนูที่น่าทึ่งได้มากมายไม่ว่าจะเป็น กัซปาโช่ คร็อกเก้ หรือ ปาเอยา เป็นต้น

4.ญี่ปุ่น

อาหารที่มีความประณีตและโภชณาการสูง มีเสน่ห์ในเรื่องของเทคนิคการปรุงรส จากส่วนผสมที่น่าทึ่งไม่ว่าจะเป็น วาซาบิ โชยุ สาหร่าย และเส้น ที่นำมาคลุกเคล้าผสมผสานให้เกิดเป็นเมนูจากเนื้อสัตว์ประจำถิ่นอย่าง ปลาไหล เนื้อโกเบ หรือ หมูคุโรบุตะ เป็นต้น สำหรับอาหารยอดนิยมที่เป็นที่ชื่นชอบของผู้คนได้แก่ ซูชิ ทาโกะยากิ อุด้ง ตลอดจน ข้าวหน้าแกงกะหรี่

5.ไทย

ประเทศที่อาหารอร่อยที่สุดในโลก

ปิดท้ายด้วยประเทศที่มีอาหารสตรีทฟู้ดยอดนิยมที่ชาวต่างชาติชื่นชอบทั่วโลก การันตีจาก อาหารอันดับ 1 ของโลก อย่าง แกงมัสมั่น โดยเมนูส่วนใหญ่มักใช้ผักสมุนไพร มะนาว กระเทียม พริกขี้หนู เกลือ น้ำตาล มาเป็นส่วนประกอบ อาหารตั้งแต่ดั้งเดิมได้รับอิทธิพลมากจากอินเดีย มีรสชาติเผ็ดร้อนและเข้มข้น เมนูยอดนิยมที่รู้จักกันทั่วโลกได้แก่ ส้มตำ ต้มยำกุ้ง ข้าวผัดกะเพรา และ ผัดไทย เป็นต้น

ประเทศที่ อาหารอร่อยที่สุดในโลก มื้อที่คุณต้องลองให้ได้สักครั้ง

สำหรับประเทศที่อาหารอร่อยที่สุดในโลก มักเป็นอีกจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกอยากไปลองสัมผัสรสชาติพื้นเมืองด้วยตัวเอง แน่นอนว่าการที่จะเป็น 1 ใน 10 อาหารที่อร่อยที่สุดในโลก ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเรื่องรสชาตินั้นไม่สามารถตัดสินได้จากปากเพียงคนเดียวได้ แต่ต้องมีความเชื่อถือและน่าดึงดูดสำหรับหลาย ๆ คนที่เคยได้รับประทานด้วย

อ่านบทความอื่น ๆ >> จัดอันดับ 5 ประเทศที่รัฐล้มเหลว ที่สุดในโลก

5 ผู้จัดการทีมฟุตบอล ที่ได้รับค่าตอบแทนมากที่สุดปี 2023

Categories
รวมบทความ

จัดอันดับ 5 ประเทศที่รัฐล้มเหลว ที่สุดในโลก

ประเทศที่รัฐล้มเหลว ส่วนใหญ่จะเกิดจาก การบริหารประเทศที่ล้มเหลว ส่งผลให้ประชาชนต้องทนทุกข์กับการใช้ชีวิตที่ยากลำบาก มีการคุมคาม ละเมิดสิทธิ ที่กฎหมายไม่สามารถจัดการได้

ประเทศที่รัฐล้มเหลว มีลักษณะอย่างไร

ประเทศที่รัฐล้มเหลว

ประเทศที่รัฐล้มเหลวมักถูกจัดอยู่ใน ประเทศด้อยพัฒนา ซึ่งจะสังเกตได้จากการที่รัฐบาลสูญเสียการควบคุมดินแดน เศรษฐกิจ และประชาชน ไร้ความเสถียรภาพ แบ่งได้ 5 ปัจจัย ดังนี้

– ความสามารถในการปกป้องเขตแดนของประเทศลดลง หรือเรียกง่าย ๆ ว่าการถูกยึดครองดินแดนจากกลุ่มก่อการร้ายหรือกองกำลังทหารที่รุกราน

– ความสามารถในการตรวจตราในดินแดนของตนลดลง รัฐบาลไม่สามารถใช้กำลังทางกายภาพ เพื่อยับยั้งการก่อเหตุร้ายแรงได้ ทำให้สังคมไร้ความเป็นระเบียบ

– บริการสาธารณะลดลง หรือบริการขั้นพื้นฐานที่รัฐควรสนับสนุนแย่ลง รวมถึงด้านสุขภาพและการศึกษา

– เสถียรภาพทางเศรษฐกิจลดลง อัตราการว่างงานที่สูงขึ้น สกุลเงินไม่มีค่า รายได้ถดถอยลงไป

– ความชอบธรรมลดลง ความไว้วางใจและความสามารถของรัฐบาลที่น้อยกว่าที่ควรจะเป็น ทั้งในสายตาของคนในประเทศและนานาชาติ

5 ประเทศที่รัฐล้มเหลว และเศรษฐกิจตกต่ำ

1.เยเมน 

ประเทศที่รัฐล้มเหลว

ครองอันดับ 1 ในฐานะประเทศที่รัฐล้มเหลว จากการเติบโตของประชากรที่มากขึ้น ไม่สอดคล้องกับทรัพยากรที่มีอยู่ ประชาชนต้องเผชิญกับปัญหาความยากจนและสงคราม ที่รัฐบาลไม่สามารถจัดการได้ ภายในมีการทุจริต จำกัดสิทธิเสรีภาพของผู้คนด้วยความรุนแรง ทั้งนี้ยังมีค่าสกุลเงินที่อ่อนลง อุตสาหกรรมการธนาคารส่วนใหญ่ อยู่ภายใต้อำนาจตลาดมืด

2.โซมาเลีย

ประเทศที่รัฐล้มเหลว

ประเทศที่ล่มจม โดยที่รัฐบาลไม่สามารถแก้ไขปัญหาใด ๆ ได้ เริ่มตั้งแต่ประชากรที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง สร้างความตึงเครียดทางด้านสุขภาพและความไม่มั่นคงภายใน รวมไปถึงกลุ่มติดอาวุธที่เพิ่มขึ้น โดยเมื่อปี 2021 ทางรัฐบาลเพิ่งประกาศล้มละลาย หลังจากประเทศที่บริจาคระงับการสนับสนุนทางด้านงบประมาณ

3.ซีเรีย

ประเทศที่รัฐล้มเหลว

ปัญหาจากความรุนแรงที่สะสมมานาน ทำให้โครงสร้างพื้นฐานของสังคมดิ่งลงในทุก ๆ ด้าน ประชาชนส่วนใหญ่ลี้ภัย จากสภาพแวดล้อมที่ตกต่ำไม่ว่าจะเป็น อาชญากรที่อาละวาด สันติภาพที่น้อยลงไร้การประนีประนอม การล่มสลายของเศษฐกิจ การลดลงของสกุลเงิน ที่เกิดจากสงครามและการคว่ำบาตร

4.ศรีลังกา

ประเทศที่ ล่ม สลาย ทางเศรษฐกิจ สด ๆ ร้อนในปีนี้ หลังการบริหารงานมานานของรัฐบาลราชปักษาที่เกิดการทุจริตและไม่โปร่งใสมาหลายปี ส่งผลให้ประชาชนต้องเผชิญกับการขาดดุลงบประมาณ มีภาวะเงินเฟ้อรุนแรง ค่าเงินอ่อนลง ที่สำคัญยังไม่สามารถชำระหนี้สาธารณะได้อีกต่อไป ผู้คนอดยาก มีอัตราการว่างงานที่สูง พลเมืองต้องรับมือกับความยากจนและไม่มีไฟฟ้าใช้

5. ซูดานใต้

เป็นอีกหนึ่ง ประเทศด้อยพัฒนา 2022 ที่มีลิสต์อยู่ในรายชื่อประเทศที่รัฐล้มเหลว เนื่องจากผู้นำทางการเมืองไม่รู้จักประชาธิปไตยและบริหารประเทศไม่เป็น ส่งผลให้เกิดความเลวร้ายต่าง ๆ ตามมา อย่างการละเมิดสิทธิเด็กและผู้หญิง ที่มีการข่มขืนและฆ่าทิ้งอย่างไม่ปราณี มีถนนเพียงไม่กี่สายที่ใช้งานได้จริง พื้นที่ห่างไกลส่วนใหญ่ขาดความเจริญและมีการสู้รบของกองกำลังติดอาวุธ ทางด้านเศรษฐกิจมีอัตราเงินเฟ้อสูงถึง 600%

บทสรุปของการเป็นประเทศที่รัฐล้มเหลว

ประเทศที่รัฐล้มเหลวส่งผลต่อภาพรวมการดำเนินชีวิตของประชาชนอย่างเห็นได้ชัด ส่วนใหญ่จะก่อตัวขึ้นจากสงครามและการทุจริต รวมไปถึงการมี นโยบายที่ล้มเหลว ที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาใด ๆ ได้ ทำให้ประเทศเหล่านี้ยังต้องตกอยู่ในสถานะยากจนและลำบากต่อไป ซึ่งยากที่พวกเขาจะกลับมารุ่งเรืองได้อีกครั้ง เพราะปัญหาที่ฝังรากในโครงสร้างสังคม

อ่านบทความอื่น ๆ >> ส่อง 5 เมืองที่หนาวที่สุดในโลก 2023

5 ประเทศที่มีอาชญากรรมมากที่สุด 2023

Categories
รวมบทความ

ส่อง 5 เมืองที่หนาวที่สุดในโลก 2023

เมืองที่หนาวที่สุดในโลก ส่วนใหญ่มักจะอยู่ในแถบ ประเทศที่หนาว ในแถบขั้วโลกเหนือหรือยุโรป ซึ่งจะมีที่ไหนที่สภาพอากาศเย็นสุดขั้วจนปากสั่นบ้าง มาดูกันเลย

เมืองที่หนาวที่สุดในโลก ต้องเผชิญกับอะไรบ้าง

เมืองที่หนาวที่สุดในโลก

เมืองที่หนาวที่สุดในโลกใช่ว่าผู้คนจะมีความสุขเสมอไป ซึ่งในฐานะที่ประเทศไทยที่เราอาศัยนั้น ค่อนข้างมีอากาศที่ร้อน ผู้คนส่วนใหญ่จึงชื่นชอบอากาศที่หนาวในช่วงเดือนธันวาคม อย่างไรก็ตาม ประเทศที่หนาวทั้งปี ต้องเผชิญกับความยากลำบากในการใช้ชีวิตยกตัวอย่างเช่น หิมะที่หลาย ๆ คนมองว่าเป็นสิ่งที่สวยงามและอยากจะไปสัมผัสสักครั้ง แต่รู้หรือไม่ว่ามันกลายเป็นอุปสรรคต่อการเดินทางและยังส่งผลต่อสุขภาพของผู้คน ทั้งระบบหายใจ ระบบผิวหนัง สุขภาพจิต ที่สำคัญยังไม่สามารถเพาะปลูกหรือทำการเกษตรได้อย่างเต็มที่อีกด้วย 

5 เมืองที่หนาวที่สุดในโลก ซ่อนตัวอยู่ที่ไหน

1.ยาคุตสค์ ประเทศรัสเซีย

v

ขึ้นแท่นครองอันดับ 1 ของเมืองที่หนาวที่สุดในโลก ซึ่งสถานที่แห่งนี้มีอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ -35°C ประชาชนส่วนใหญ่คุ้นเคยกับสภาพอากาศและต้องพยายามเอาตัวรอดให้ได้ในช่วง ฤดูหนาว จัด เนื่องจากความเย็นของที่นี่มีจุดเยือกแข็งที่สามารถลดลงได้ถึง -70°C เลยทีเดียว

2.โอมยาคอน รัสเซีย

เมืองที่หนาวที่สุดในโลก

เป็นอีกหนึ่งสถานที่ ที่ได้รับการการันตีว่าเป็นเมืองที่หนาวที่สุดในโลก รัสเซีย ครองอันดับ 2 รองลงมาจากยาคุตสค์ โดยเมืองนี้เป็นเมืองที่มีประชากรอาศัยอยู่ไม่มากราว ๆ 500 คน สภาพแวดล้อมและข้าวของส่วนใหญ่มักถูกแช่แข็ง อุณภูมิเฉลี่ยทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ -50°C

3.อูลานบาตอร์ มองโกเลีย

เมืองที่หนาวที่สุดในโลก

เมืองหลวงของประเทศที่มีสภาพอากาศหลากหลาย โดยในช่วงกลางวันอุณหภูมิจะอยู่เพียง 25°C ส่วนช่วงกลางคืนในฤดูกาลปกติจะอยู่ที่ 11°C แต่เมื่อเข้าสู่ช่วง ฤดูหนาว อย่างเป็นทางการ เมืองแห่งนี้จะมีอุณหภูมิต่ำสุดอยู่ที่ -40°C เลยทีเดียว

4.เยลโลว์ไนฟ์ แคนาดา

ข้ามฟากมาในทวีปอเมริกาเหนือ ซึ่งแคนาดาก็เป็นอีกรายชื่อที่ติดอยู่ใน ประเทศที่หนาวที่สุดในโลก 2022 โดยเมืองแห่งนี้จะมีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 20,000 คน สำหรับอุณหภูมิในช่วงหน้าหนาวจะอยู่ที่ -26°C และแม้จะมีสภาพอากาศที่หนาวเย็นจัด แต่ก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ยอดนิยมของนักท่องเที่ยว เนื่องจากมีแสงเหนือที่สวยงามให้รับชมอยู่นั่นเอง

5.ฮาร์บิน ประเทศจีน

ปิดท้ายด้วย ประเทศที่หนาวที่สุดในเอเชีย อย่างจีน ซึ่งเมืองฮาร์บินนั้นได้รับการขนานว่าเป็น “เมืองน้ำแข็ง” ของแดนมังกร เนื่องจากหน้าหนาวจะมีอุณหภูมิที่ต่ำลงไปถึง -24°C เลยทีเดียว โดยเฉพาะในเดือนมกราคม

วิธีรับมือของเมืองที่หนาวที่สุดในโลก

ผู้คนที่คุ้นชินกับสภาพอากาศในเมืองร้อน มักยังไม่ค่อยเข้าใจวิถีชิวิตของ เมืองที่หนาวที่สุดในโลกเท่าไหร่นัก ซึ่งไม่ใช่แค่เพียงการสวมเสื้อผ้าหนา ๆ อย่างที่หลาย ๆ คนเข้าใจเท่านั้น แต่คนในพื้นที่ต้องเตรียมรับมือล่วงหน้ากับหลาย ๆ อย่าง เช่น ทำความสะอาดรางน้ำและซ่อมแซมรอยรั่วบนหลังคา, ตรวจสอบและทำความสะอาดเตาผิงและปล่องไฟ, สต็อกอาหารที่ไม่ต้องปรุงหรือแช่เย็น เป็นต้น ที่สำคัญยังต้องใส่ใจสุขภาพของเด็กและผู้สูงอายุ ที่มีโอกาสจะได้รับผลกระทบจากการที่เป็นเมืองที่หนาวที่สุดในโลก องศา ต่ำอีกด้วย

อ่านบทความอื่น ๆ >> 5 ประเทศที่มีอาชญากรรมมากที่สุด 2023

ส่อง 5 คู่ ดาราที่เลิกกัน

Categories
รวมบทความ

5 ประเทศที่มีอาชญากรรมมากที่สุด 2023

ประเทศที่มีอาชญากรรมมากที่สุด มักจะพบอยู่ในแถบอเมริกาใต้เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งจากการสำรวจพบว่ามีประเทศถึง 3 ประเทศ ที่อยู่ลิสต์ 1 ใน 10 ประเทศที่อันตรายที่สุดในโลก

ประเทศที่มีอาชญากรรมมากที่สุด ที่นักท่องเที่ยวควรหลีกเลี่ยง

ประเทศที่มีอาชญากรรมมากที่สุด

ประเทศที่มีอาชญากรรมมากที่สุดส่วนใหญ่มักมีตั้งแต่การปล้นชิงทรัพย์ จับตัวเรียกค่าไถ่ ข่มขืน ยาเลพติด ค้ามนุษย์ ตลอดจนการฆาตกรรม ซึ่งส่วนมากจะเป็น ประเทศที่อันตรายที่สุด สําหรับผู้หญิง เนื่องจากมีความปลอดภัยที่ต่ำและไม่สามารถการันตีเรื่องชีวิตรวมถึงทรัพย์สินให้ได้ นักท่องเที่ยวจึงควรหลีกเลี่ยงหรือศึกษาให้ดีก่อนที่จะไปท่องเที่ยว

5 ประเทศที่มีอาชญากรรมมากที่สุด ที่ไม่ควรย่างกรายเข้าไปอย่างยิ่ง

1.เวเนซุเอลา

ประเทศที่มีอาชญากรรมมากที่สุด

ครองอันดับ 1 ในฐานะประเทศที่มีอาชญากรรมมากที่สุด อย่างรวดเร็ว หลังมีระบบเศรษฐกิจที่ล่มสลาย เงินเฟ้อจนธนบัตรไม่มีค่ากลายเป็นเศษกระดาษ ประชากรประสบปัญหาความยากจนและตกงาน มีสถิติการก่อเหตุอาชญากรรมเฉลี่ยอยู่ที่ 83.76% กฎหมายส่วนใหญ่บังคับใช้ไม่ได้ผล จึงเกิดการก่อเหตุที่รุนแรงต่อประชาชนหรือนักท่องเที่ยวให้เห็นเป็นประจำ

2.ปาปัวนิวกินี

ประเทศที่มีอาชญากรรมมากที่สุด

ประเทศที่เถื่อนที่สุดในโลก อีกหนึ่งแห่ง ที่ควรหลีกเลี่ยงอย่างยิ่ง เพราะมีสถิติเผยออกมาว่าเป็นประเทศที่มีการก่อเหตุอาชญากรรมเฉลี่ยสูงถึง 80.79% เนื่องจากสภาพสังคมที่ด้อยพัฒนาและล้าหลัง การก่อเหตุรุนแรงส่วนใหญ่มาจากสาเหตุการเปลี่ยนแปลงทางสังคม ผู้คนส่วนใหญ่ไม่ได้รับการศึกษา มีกลุ่มแก๊งติดอาวุธเป็นจำนวนมาก การต่ออาชญากรรมมีตั้งแต่การลักขโมยไปจนถึงฆาตกรรม

3.แอฟริกาใต้

ประเทศที่มีอาชญากรรมมากที่สุด

จากการจัด อันดับประเทศที่อันตรายที่สุดในโลก แอฟริกาใต้สูงอยู่ในที่ 3 กับเฉลี่ย 76.86% เนื่องจากมีการทำร้าย ข่มขืน การฆาตกรรม ที่สถิติสูงขึ้นเรื่อย ๆ จากสาเหตุความยากจน ความไม่เทียม การว่างงาน ส่งผลให้สภาพแวดล้อมทางสังคมรุนแรงกว่าปกติ  ที่สำคัญมีเฉลี่ยการข่มขืนที่สูงเป็นอันดับต้น ๆ ของโลกอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีการออกมาเผยแพร่ว่าสำนักงานตำรวจของแอฟริกาใต้กลายเป็นสถานบันที่มีการทุจริตมากที่สุดในประเทศ จึงไม่แปลกใจเลยที่เราจะเห็นความรุนแรงต่อชาวต่อชาติเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

4.อัฟกานิสถาน

ประเทศที่มีสงครามมากที่สุด คงหนีไม่พ้นการก่อเหตุรุนแรงภายในประเทศ เนื่องจากมีสถิติของอาชญากรรมอยู่ที่ 76.31% โดยมีการก่อเหตุที่แพร่หลายไม่ว่าจะเป็น การทุจริต การข่มขืน การฉกฉวย การลักพาตัว หรือก่อการร้าย ทำให้อัฟกานิสถานกลายเป็น ประเทศที่อันตรายที่สุดในเอเชีย

5.ฮอนดูรัส

มีสถิติการก่อเหตุอาชญากรรมอยู่ที่ 74.54%  มีอัตราการฆาตกรรมที่สูงถึง 44.7 ต่อประชากร 100,000 คน สาเหตุหลักมาจากความไม่มั่นคงทางการเมือง ที่มีการบริหารล้มเหลว และยังมีการค้ายาเสพติดข้ามชาติรายใหญ่ระดับโลกอีกด้วย ซึ่งความรุนแรงมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นเรื่อย ๆ

บทสรุปของประเทศที่มีอาชญากรรมมากที่สุด

ประเทศที่มีอาชญากรรมมากที่สุดนั้นส่วนใหญ่เกิดจากสภาวะของสังคมที่ย่ำแย่ ชีวิตของประชาชนส่วนใหญ่ไร้คุณภาพ จึงต้องหาวิธีที่ไม่สะอาดเพื่อดำรงชีวิตให้อยู่รอดต่อไป อย่างไรก็ตามเมื่อมีประเทศที่อาชญากรรมมากที่สุดก็ต้องมี ประเทศที่มีอาชญากรรมน้อยที่สุด เช่นกัน โดยส่วนใหญ่จะรวมตัวอยู่ในแถบยุโรปไม่ว่าจะเป็น สวิตเซอร์แลนด์, นิวซีแลนด์, เนเธอร์แลนด์, ออสเตรีย หรือในเอเชียอย่าง ญี่ปุ่น เนื่องจากประเทศเหล่านี้มักมีการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวด จริงจัง และมีประสิทธิภาพ รวมไปถึงคุณภาพชีวิตของประชากรส่วนใหญ่ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีอีกด้วย

อ่านบทความอื่น ๆ >> ส่อง 5 คู่ ดาราที่เลิกกัน

5 อันดับเว็บไซต์เพื่อความบันเทิง ที่หลายคนนิยมใช้มากที่สุด

Categories
รวมบทความ

ส่อง 5 คู่ ดาราที่เลิกกัน

สำหรับ ดาราที่เลิกกัน ที่เรานำข้อมูลมาบอกต่อในวันนี้ ล้วนเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงทางด้านวงการบันเทิงในต่างประเทศ ทั้ง ดาราเลิกกันแบบเงียบๆ หรือ เลิกกันจนเป็นกระแส จะมีใครที่คุณรู้จักบ้าง มาดูกันเลย

ดาราที่เลิกกัน ไม่แปลว่าพวกเขาล้มเหลวทางความรัก

ดาราที่เลิกกัน

ดาราที่เลิกกันนั้นเราไม่สามารถไปตัดสินใจแทนพวกเขาได้ ซึ่งอาจจะมีปัญหาบางอย่างที่สะสมมานานหรือไลฟ์สไตล์ที่ไม่ตรงกัน แม้ในบางคู่จะเป็น ดารา มีลูก เลิกกัน แล้วก็ตาม แต่เมื่อพวกเขายังคงมีชีวิตอยู่ ก็ไม่ผิดที่จะเลือกความสบายใจและจุดยืนที่ต้องการให้กับชีวิตตัวเอง 

5 ดาราที่เลิกกัน และเซเลบริตี้ที่แยกทาง 

1.จอห์นนี เดปป์ – แอมเบอร์ เฮิร์ด

ดาราที่เลิกกัน

ดาราที่เลิกกันสะเทือนวงการบันเทิง หลังมีข่าวการฟ้องร้องที่โกลาหล จนมีบทสรุปโดยทางป๋าเดปปเป็นฝ่ายชนะคดี เป็นคู่ ดาราเลิกฟ้าผ่า ที่ปิดฉากความรักอันหอมหวานอย่างไม่น่าประทับใจทั้ง 2 ฝ่าย

2.เดวิน บุ๊กเกอร์ – เคนดัลล์ เจนเนอร์

ดาราที่เลิกกัน

เป็น ข่าวดาราเลิกกันล่าสุด หลังจากเคยยุติความสัมพันธ์มาก่อนหน้านั้นในเดือนมิถุนายน 2022 จนทั้งคู่ได้กลับมาสานสัมพันธ์กันอีกครั้ง และตัดสินใจเลิกรากันในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งมีการรายงานข่าวว่าทั้งคู่ตัดสินใจจบความสัมพันธ์กันด้วยดี

3.แบรด พิตต์ – แองเจลินา โจลี

ดาราที่เลิกกัน

ดาราที่คบกันนานแล้วเลิก แม้จะมีลูกด้วยกันแล้ว ซึ่งเป็นการตัดสินใจยุติความสัมพันธ์ 12 ปี แบบร้าวราน จนเรื่องถึงศาล ซึ่งเป็นฝ่ายแองเจลินาที่ชนะคดี จากการที่เธอกล่าวว่าฝ่ายชายทำร้ายร่างกายและจิตใจต่อหน้าบุตร เป็นเรื่องยากที่เราจะได้เห็นคู่ขวัญคนดังกลับมารีเทิร์นใหม่อีกครั้ง

4.คานเย เวสต์ – คิม คาร์เดเชียน

นักร้องเลิกแฟน แม้จะมีโซ่ทองคล้องใจด้วยกันแล้วก็ตาม โดยเป็นเรื่องราวการยุติความสัมพันธ์ที่อลเวงสุด ๆ ในปีที่ผ่านมา จนนำไปสู่การหย่าร้าง เนื่องด้วยเหตุผลการใช้ชีวิตที่ต่างกัน ซึ่งฝ่ายชายได้ออกมาเผยเหตุผลว่าตนเองอึดอัดกับการใช้ชีวิตที่หรูหราของฝ่ายหญิง ในขณะที่คิมต้องการช่องว่างในอนาคตเช่นกัน โดยที่ทั้ง 2 ฝ่าย จะโฟกัสไปที่ลูกของพวกเขามากกว่านั่นเอง

5.แฮร์รี่ สไตล์ส – โอลิเวีย ไวลด์

ดาราเลิกกัน 2565 ล่าสุด ซึ่งเป็นคู่รักต่างวัยที่ดำเนินความสัมพันธ์มาเกือบ 2 ปี แต่ในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาได้มีการรายงานข่าวของสื่อต่างประเทศว่าทั้งคู่ ไม่ได้ไปต่อในฐานะคนรัก แต่ยังคงรักษาความสัมพันธ์ด้วยการเป็นเพื่อนสนิทอยู่

บทสรุปของ ดาราที่เลิกกันทั้ง 5 คู่

เห็นได้ชัดว่าสาเหตุของดาราที่เลิกกัน ที่หยิบยกมาฝาก ล้วนมีเหตุผลที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะจบลงด้วยดีหรือไม่ดีก็ตาม เราก็ควรให้เกียรติ คู่รัก เลิก กันอย่างสุภาพ โดยที่ไม่แสดงความคิดเห็นหรือวิจารณ์ถ้อยคำรุนแรง เพราะภายภาคหน้าพวกเขาเหล่านี้อาจจะเจอคนที่ดีกว่า หรือกลับมารักกันในเวอร์ชั่นที่สมบูรณ์แบบก็เป็นได้

5 ผู้จัดการทีมฟุตบอล ที่ได้รับค่าตอบแทนมากที่สุดปี 2023

5 อันดับเว็บไซต์เพื่อความบันเทิง ที่หลายคนนิยมใช้มากที่สุด