
การได้ดูวิวสวย ๆ ยามเช้า และยามเย็น จากจุดแลนด์มาร์คที่ได้ชื่อว่า จุดชมวิว จึงถือว่าเป็นการพักผ่อนไปในตัวด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งในประเทศไทยก็มีจุดชมวิวสวย ๆ มากมายหลายแห่ง และมีทั้งวิวธรรมชาติ รวมถึงวิวอาคารบ้านเรือน แต่ไม่ว่าจะเป็นวิวแบบไหน ความรู้สึกที่ได้คือความสวยงาม และความประทับใจแน่นอน
ถ้าพูดถึง จุดชมวิว ในปัจจุบันมีหลากหลายรูปแบบ
อย่างที่ได้บอกไปว่า จุดชมวิว หรือ VIEW POINT ถือว่าเป็นส่วนสำคัญของแหล่งท่องเที่ยว หรืออาคารนั้น ๆ ซึ่งนอกจากมีจุดชมวิวสวย ๆ ตามธรรมชาติแล้ว ยังมีแบบตึกสูงอีกด้วย ซึ่งแต่ละแบบสามารถสร้างความรู้สึก และความประทับใจแตกต่างกันไป แต่ภาพรวมแล้ว ภาพวิวสวย ๆ ที่อยู่เบื้องหน้าของทุกคนสามารถเพิ่มบรรยากาศดี ๆ และชาร์จพลังให้ทุกคนได้แน่นอน
5 อันดับแหล่งชมวิวที่ต้องไปดูความสวยงามด้วยตัวเอง
ซึ่งถ้าพูดถึง จุดชมวิว แน่นอนว่าประเทศไทยมีจุดชมวิวแนะนำหลายแห่ง โดยแต่ละแห่งต่างให้ภาพความสวยงามแตกต่างกันออกไป แต่ในวันนี้ขอแนะนำ 5 อันดับ จุดวิวพอยท์ ที่ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง บางแห่งสามารถดูพระอาทิตย์ขึ้น และตกได้ และบางแห่งจัดว่าเป็นสถานที่วัดใจของใครหลายคนไปในตัวดังนี้
1. ภูกระดึง

สถานที่ท่องเที่ยวกางเต็นท์ยอดฮิตของจังหวัดเลย ถึงแม้ว่าการเดินทางไปถึงจุดกางเต็นท์ เล่นเอานักท่องเที่ยวบ่นระงม และตามคำบอกเล่าถึงการเดินทางมาเที่ยวพร้อมกับคนรัก ที่นี่คือสถานที่พิสูจน์รักแท้ที่ดีทีเดียว แต่เมื่อเดินทางไปถึงยอดจุดกางเต็นท์ และได้ไปอยู่ที่จุดชมวิวสวย ๆ อาการเหนื่อยล้าจะหายไปเป็นปลิดทิ้ง เพราะทั้งแสงแรกของวัน และแสงสุดท้ายของวัน ที่ทอแสงเป็นสีส้มตรงขอบฟ้า จะเพิ่มความสวยงามตามธรรมชาติ ต่อหน้าทุกคนทันที
2. เสม็ดนางชี

อีกหนึ่งสถานที่ชมวิวสุดฮิต และกำลังมาแรงแห่งนี้ ตั้งอยู่ที่จังหวัดพังงา โดยในปัจจุบันถือว่าเป็นจุดชมวิวที่สร้างความประทับใจได้ ทั้งวิวพระอาทิตย์ขึ้น และพระอาทิตย์ตก นอกจากนั้นหากได้ขึ้นไปพักสักคืนวิวในช่วงกลางคืนที่มีแสงจันทร์สาดส่องกระทบผิวน้ำทะเล ท่ามกลางภูเขาที่ล้อมรอบบริเวณ รับรองได้ว่าสวยมากจริง ๆ ส่วนที่พักมีทั้งจุดกางเต็นท์ แบบรีสอร์ต หรือแบบกระท่อมบนเขา แต่ทุกแบบรับรองว่าได้วิวหลักล้านเหมือนกัน
3. แหลมพรหมเทพ

ที่นี่มีชื่อเสียงในเรื่องของวิวทั้งพระอาทิตย์ขึ้น และพระอาทิตย์ตกดินในจังหวัดภูเก็ต จากภาพของแหลมที่ทอดยาวไปในทะเล พร้อมกับต้นตาลสูงที่โยกไปตามแรงลม ซึ่งให้เสียงคล้ายดนตรีประสาน รวมกับเสียงลม และเสียงคลื่นที่ซัดเข้ามา ยิ่งเพิ่มความสุขให้กับการชมวิว และพักผ่อนมากขึ้นทันที แถมการชมวิวสามารถมาเก็บภาพความประทับใจแบบฉายเดี่ยว หรือมาคู่ รวมถึงมาแบบกลุ่มเพื่อนก็ดี
4. มหานครสกายวอล์ค

ข้ามมาชมวิวบนตึกกันบ้าง และแน่นอนว่าจะไม่พูดถึง มหานครสกายวอล์ค คงเป็นไปไม่ได้ เพราะไฮไลท์อยู่ที่พื้นกระจกขนาดใหญ่ที่สุดของโลก บนชั้นที่ 78 ทำให้มองเห็นวิวสวย ๆ ของเมืองกรุงได้ครบ 360 องศา ส่วนบัตรค่าเข้าวันจันทร์ – ศุกร์ ราคาผู้ใหญ่จะเริ่มต้นที่ 520 บาท ส่วนเด็กอายุ 3 – 15 ปี รวมถึงผู้สูงอายุ 60 ปี ขึ้นไปจะเริ่มต้นที่ 250 บาท และในวันเสาร์ – อาทิตย์ ราคาผู้ใหญ่จะเริ่มต้นที่ 850 บาท ส่วนเด็กอายุ 3-15 ปี รวมถึงผู้สูงอายุ 60 ปี ขึ้นไปจะเริ่มต้นที่ 250 บาท ทั้งนี้จะเปิดให้บริการตั้งแต่ 11.00-21.00 น.
5. ตึกใบหยก

จุดชมวิวในเมืองกรุงที่ไม่พูดถึงไม่ได้ เนื่องจากที่นี่คือจุดชมวิวรอบเมือง 360 องศา โดยความโดดเด่นของที่นี่ไม่ได้จบแค่ชมวิวเท่านั้น แต่ยังมีมื้ออาหารอร่อย ๆ คอยเพิ่มบรรยากาศชมวิวรอบเมืองกรุงให้ทุกท่านอย่างดีอีกด้วย โดยราคาชมวิวพ่วงบุฟเฟ่ต์อาหารจะเริ่มต้นที่ 950 บาท โดยจะเปิดให้บริการในเวลา 17.00 – 19.00 น. และ 19.00 – 21.00 น. ส่วนใครที่ต้องการชมวิวสามารถขึ้นชมความสวยงามได้ถึง 24.00 น.
สำหรับจุดพอยต์ชมวิวทั้ง 5 แห่ง ที่พูดถึง จัดว่าเป็นจุดชมวิวที่หลายคนเคยสัมผัสความสวยงามมาแล้ว ดังนั้น ทั้ง 5 แห่งที่พูดถึงน่าจะเป็นจุดชมวิวที่สามารถช่วยให้หลายคนตัดสินใจได้ว่าสนใจชมวิวในแบบไหนเป็นพิเศษ ตามความชอบของแต่ละคน