Categories
รวมบทความ

5 อันดับ มหาเศรษฐี มีทรัพย์สินติดโผรวยที่สุดในโลก

มหาเศรษฐี
5 อันดับ มหาเศรษฐี มีทรัพย์สินติดโผรวยที่สุดในโลก

การจัดอันดับ มหาเศรษฐี หรือคนที่รวยที่สุดในโลก ในปัจจุบันมีตลอดทุกปี ซึ่งบางปีจะมีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งกันบ้างเล็กน้อย แต่สิ่งที่ไม่มีความเปลี่ยนแปลง คือ บุคคลทั้งหมดในระดับท็อป 5 ของตำแหน่งรวยที่สุดในโลก ถือว่าเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจชัดเจน 

5 มหาเศรษฐี ระดับโลกจัดอันดับโดย FORBES

สำหรับ 5 อันดับ มหาเศรษฐี ที่รวยที่สุดในเวลานี้ ยังคงถูกจับอันดับโดย FORBES นิตยสารเกี่ยวกับการเงิน และธุรกิจในอเมริกา โดยจะคอยจัดทำอันดับของคนดัง และนักธุรกิจระดับแถวหน้าของโลก รวมถึงดารา ไม่เว้นแม้แต่กระทั่งบริษัทชั้นนำ แต่ละแห่งบนโลกใบนี้ ทำให้ข้อมูลแต่ละปีที่จัดออกมาน่าเชื่อถือมากเป็นพิเศษ 

แต่ละคนล้วนมีทรัพย์สินไม่ธรรมดา 

มหาเศรษฐี คนดังที่จะกล่าวถึง และติดอันดับ 1 -5 ของ คนที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ประกอบธุรกิจแตกต่างกันพอสมควร เนื่องจากมีความหลากหลาย และเป็นคนที่มีความสำคัญในวงการต่าง ๆ มาโดยตลอด นอกจากนั้นยังเป็นผู้มีอิทธิพลในแวดวงธุรกิจระดับโลกอีกด้วย ซึ่งมาดูกันว่าทั้ง 5 คนที่มีทรัพย์สินมากที่สุดในโลกคือใคร และมีทรัพย์สินเท่าไหร่กันบ้าง 

1.  JEFF BEZOS 

มหาเศรษฐี
JEFF BEZOS

ถ้าพูดถึงเจ้าพ่อธุรกิจอีคอมเมิร์ชคนนี้ หลายคนคงคุ้นหน้าคุ้นตาเขาดี เพราะเป็นผู้ก่อตั้ง AMAZON ตลาดออนไลน์ชื่อดังระดับโลก ซึ่งมีสินค้ามากมาย ตั้งแต่ไม้จิ้มฟันยันไปยานอวกาศเลยก็ว่าได้ โดยนับว่าความคิดของเขาประสบความสำเร็จอย่างมาก เพราะสามารถเบิกนำทางตลาดซื้อขายของออนไลน์ให้เป็นที่นิยมในเวลาไม่นาน โดยเจ้าตัวทำหน้าที่ซีอีโอของที่นั่นมานานถึง 27 ปี และล่าสุดเจ้าตัวตัดสินใจโบกมืออำลาตำแหน่งดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นเขายังคงได้ชื่อว่าเป็นคนที่รวยที่สุดในโลกอยู่ดี ด้วยทรัพย์สินทั้งหมดในตอนนี้อยู่ที่ 1.77 แสนล้านเหรียญดอลล่าร์ สหรัฐฯ 

2.  ELON MUSK 

มหาเศรษฐี
ELON MUSK

นักธุรกิจชาวอเมริกา ซึ่งปัจจุบันเขาคือ เจ้าพ่อตลาดรถพลังงานไฟฟ้าอย่าง TESLA และ SPACEX ยังคงประสบความสำเร็จในเส้นทางการบุกเบิกรถพลังงานสะอาดอย่างมาก ส่งผลให้เขารั้งอันดับ 2 ตำแหน่งคนมีเงินมากที่สุดในโลกไปโดยปริยาย โดยปัจจุบันทรัพย์สินที่เขามีอยู่ทั้งหมด คือ 1.51 แสนล้าน เหรียญดอลล่าร์สหรัฐฯ แถมล่าสุดเพิ่งสร้างวีรกรรมสุดแสบให้ตลาดบิทคอยน์ระส่ำมาหมาด ๆ ด้วยการประกาศเลิกรับสกุลเงินดิจิตอลดังกล่าวชำระค่ารถของเขา 

3.  BERNARD ARNAULT 

มหาเศรษฐี
BERNARD ARNAULT

มาถึงเศรษฐีคนดังอันดับ 3 ซึ่งคนนี้ถือว่าเป็นนักธุรกิจที่คร่ำหวอดในหลายสาขา แถมยังประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจทางด้านเครื่องหนัง แฟชั่น รวมถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นต้น โดยแบรนด์หลัก ๆ ของเขาก็คือ LVMG หรือที่เราคุ้นเคยกันดีในชื่อของ หลุยส์ วิตตอง และ ดิออร์ เป็นต้น โดยทรัพย์สินในปัจจุบันมีทั้งหมด 1.50 แสนล้าน เหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ 

4.  BILL GATES 

มหาเศรษฐี
BILL GATES

นักธุรกิจเจ้าของ SOFT WARE ชื่อดังระดับแถวหน้าของโลกอย่าง ระบบปฏิบัติการ WINDOW, MICROSOFT OFFICE ยังคงเป็นผู้ที่ครองตำแหน่งรวยที่สุดในโลกติดท็อป 5 เหมือนกัน ด้วยปัจจุบันมีทรัพย์สินทั้งหมดรวมอยู่ที่ 1.24 แสนล้าน เหรียญดอลล่าร์สหรัฐฯ ซึ่งเมื่อก่อนเขาคือ เจ้าพ่อที่มีสินทรัพย์รวมติดอันดับของโลกติดต่อกันหลายปี ส่วนข่าวล่าสุดของเขาคือ เพิ่งหย่าขาดกับภรรยาที่อยู่ด้วยกันมานานถึง 27 ปี อย่าง เมลินดา เกตส์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อกลางเดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมา

5.  MARK ZUCKERBERG

มหาเศรษฐี
MARK ZUCKERBERG

หากคนที่เล่น FACEBOOK บ่อย ๆ คงไม่มีใครไม่รู้จักเขาคนนี้ เพราะเขาเป็นคนก่อตั้งแอปพลิเคชันชื่อดังระดับโลกขึ้น และปัจจุบันกลายเป็นแอปพลิเคชันที่มีผู้คนสมัคร เพื่อสร้างแอคเคาน์จำนวนมาก นอกจากนั้นยังเป็นแอปที่สามารถซื้อ – ขายสินค้า และทำการโฆษณา รวมถึงช่วยเหลือสังคม โดยไม่กำไรจากการทำแฟนเพจ โดยปัจจุบันทรัพย์สินโดยรวมของเจ้าพ่อแอปสีน้ำเงิน – ขาวคนนี้รวมทั้งหมดอยู่ที่ 9.7 หมื่นล้าน ดอลล่าร์สหรัฐฯ 

ทั้งนี้ทั้ง 5 คน จัดว่าเป็นมหาเศรษฐีนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก และในปัจจุบันแม้เศรษฐกิจของโลกเริ่มถดถอย แต่ธุรกิจของพวกเขายังไม่ค่อยได้รับผลกระทบเท่าไหร่นัก เนื่องจากสินค้า และบริการของทั้ง 5 ท่าน ยังคงเป็นของจำเป็น และยังขายได้เหมือนเดิม 



Categories
รวมบทความ

5 อันดับ ทะเล ไทยที่นักท่องเที่ยวนิยมไปเยือน

ทะเล
5 อันดับ ทะเล ไทยที่นักท่องเที่ยวนิยมไปเยือน

เมื่อไหร่ก็ตามที่นึกถึงสถานที่ท่องเที่ยว คำว่า “ทะเล” มักจะเป็นตัวเลือกแรก ๆ ที่ขาเที่ยวคิดออก ด้วยความสวยงามของสีน้ำทะเล บวกกับสีฟ้าครามของท้องฟ้า และเมฆสีขาว รวมถึงเสียงลม และคลื่นที่ซัดเข้าฝั่งตลอดเวลา ยิ่งเพิ่มบรรยากาศให้วันพักผ่อนน่าประทับใจมากยิ่งขึ้น ซึ่งปัจจุบัน ทะเลของไทย ขึ้นชื่อว่าสวยหลายแห่ง จนกลายเป็นสถานที่รวมตัวกันของกลุ่มนักท่องเที่ยวยอดฮิตก็ว่าได้ 

ทะเล สถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตในวันพักผ่อน และยังช่วยชาร์จพลังได้อีกด้วย

การเดินทางเพื่อไปพักผ่อนที่ ทะเล เป็นการพักผ่อนยอดฮิตมานาน เนื่องจากเป็นการผ่อนคลายจากความวุ่นวายที่เจอมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งภาพของ ทะเลสวย ๆ สามารถคลายความกังวล และความวุ่นวายได้เป็นอย่างดี ยิ่งได้นอนริมชายหาดฟังเสียงคลื่นที่ซัดเข้าฝั่ง ยิ่งเพิ่มความรู้สึกสบายใจ และมีพลังกลับไปสู้กับวันต่อไปได้เป็นอย่างดี

5 ทะเลสวยที่หลายคนพูดตรงกันว่ารีบเก็บกระเป๋าให้ไว

ปัจจุบันถ้าพูดถึง ทะเล ที่นักท่องเที่ยวมักพูดถึง และนิยมไปเยือนมีหลายที่ด้วยกัน แถมแต่ละที่ต่างมีความน่าสนใจแตกต่างกัน เพราะความสวยงามของทะเล ชายหาดสวย ๆ ที่มีทรายขาวละเอียด น้ำทะเลสีใส ถือว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของการ เที่ยวทะเล ซึ่งทำให้หลายคนเพลิดเพลินไปกับการพักผ่อนมากขึ้น

1.  หมู่เกาะสุรินทร์

ทะเล
หมู่เกาะสุรินทร์

ถ้าพูดถึงน้ำทะเลใสแจ๋วสไตล์ของทะเลฝั่งอันดามัน บวกกับเป็นสถานที่ดำน้ำยอดฮิตของเหล่านักสำรวจท้องทะเล คงเว้นจากเกาะแห่งนี้ไปไม่ได้เลยจริง ๆ แถมยังได้ชื่อว่าเป็นแหล่งดำน้ำตื้นที่ดีที่สุดของไทยอีกด้วย โดยที่ตั้งของเขตแดนหมู่เกาะดังกล่าวอยู่ที่ อ.คุระบุรี จ.พังงา โดยมีไฮไลท์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นปะการังหลากหลายชนิด อาทิเช่น ปะการังเขากวาง , ปะการังผักกาด , ปะการังอ่อน รวมถึงปะการังสมอง ส่วนดอกไม้ทะเล และปลาสวยงามอย่าง ปลานกแก้ว , ปลาสิงโต , ปลานกขุนทอง และที่ขาดไม่ได้เมื่อดำน้ำคือ ปลาการ์ตูน หรือปลานีโม่ เท่านั้นยังไม่พอ เมื่อมาดำน้ำที่นี่จะมีโอกาสพบกับเต่าทะเล ปลากระเบนราหู รวมถึงฉลามวาฬ และชมวิถีชีวิตชาวบ้านมอแกน อย่างไรก็ตามหมู่เกาะนี้จะเปิดให้ท่องเที่ยวตั้งแต่ 16 พฤศจิกายน – 15 พฤษภาคมของทุกปี

2.  หมู่เกาะพีพี

ทะเล
หมู่เกาะพีพี

สำหรับน้ำทะเลของหมู่เกาะชื่อดังระดับโลกของจังหวัดกระบี่ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และต่างประเทศ ซึ่งความสวยงามทำให้หลายคนยกให้เป็นอาณาจักรของดอกไม้แห่งอันดามัน เพราะมีความสวยงามซ่อนอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นปะการัง ดอกไม้ทะเล รวมถึงปลาสวยงามหลายชนิดที่อาศัยตามแหล่งอาหารตามธรรมชาติ 

3.  หลีเป๊ะ

ทะเล
หลีเป๊ะ

ล่องใต้เที่ยวทะเลกันเพิ่มเติมอีกแห่ง ซึ่งถ้าพูดถึงจังหวัดสตูล หลายคนมักจะนึกถึง หลีเป๊ะ เป็นอันดับแรก ด้วยตำแหน่งดำน้ำมีหลายที่ บวกกับน้ำทะเลใสแจ๋ว แถมบางแห่งยังมีความสวยงามของชายหาดที่มีทั้งหิน และทราย โดยความสวยงามของที่นี่ทำให้หลายคนยกให้เป็นมัลดีฟส์เมืองไทยกันเลยทีเดียว 

4.  เกาะล้าน

ทะเล
เกาะล้าน

สำหรับคนที่อยู่ในเมืองกรุง และต้องการชายทะเลที่ใกล้ที่สุด เกาะล้าน คือคำตอบที่ดีที่สุดแน่นอน ด้วยการเดินทางไม่นาน เพราะอยู่ที่พัทยา จังหวัดชลบุรี เท่านั้น ดังนั้นจึงใช้เวลาไม่เกิน 2.30 ชั่วโมง เราจะได้สัมผัสกับความสวยงามของธรรมชาติ หาดทรายขาว ๆ บนเกาะล้านแน่นอน แถมที่นี่ยังจัดว่าเป็นทะเลที่นักท่องเที่ยวนิยมมาพักผ่อนบ่อยมาก

5.  เกาะเสม็ด

ทะเล
เกาะเสม็ด

อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เมืองกรุง และยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวให้ความนิยมอย่างมาก โดยเกาะเสม็ดตั้งอยู่ที่จังหวัดระยอง ส่วนความสวยงามของที่นี่ไม่ได้เป็นรองใครแน่นอน เพราะที่ผ่านมาจัดว่าเป็นอีกทะเลที่นักท่องเที่ยวพร้อมแบกกระเป๋าเดินทางไปเที่ยวทันที โดยถึงแม้จะอยู่ในฝั่งของอ่าวไทย แต่สีน้ำทะเลไม่ได้ด้อยไปกว่าฝั่งอันดามัน เพราะสีใสแจ๋วน่าเล่นอย่างมาก ดังนั้น จึงเหมาะกับวันพักผ่อนจริง ๆ 

สำหรับการพักผ่อนริมหาด เล่นน้ำทะเล บวกกับทำกิจกรรมต่าง ๆ ทางทะเล ในวันที่กำลังต้องการชาร์จแบตให้ร่างกายจากความเหนื่อยล้า ถือว่าเป็นการปลดปล่อยอีกหนึ่งรูปแบบ นอกจากนั้นสำหรับบางคนการได้นอนฟังเสียงคลื่นของทะเล รวมถึงเสียงลม คือ การพักผ่อนที่ดีที่สุดเช่นเดียวกัน

Categories
รวมบทความ

5 อันดับยี่ห้อครีมน่าใช้ประจำปี 2021

ครีม
5 อันดับยี่ห้อครีมน่าใช้ประจำปี 2021

ปัจจุบันผิวหน้าและผิวกายของเราคือด่านแรกที่ต้องเจอกับมลภาวะ ดังนั้น ครีม คือตัวช่วยแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้ดีที่สุด ซึ่งปัจจุบันมีหลายยี่ห้อที่กำลังฮิตและเป็นที่นิยมของสาว ๆ เพราะช่วยแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับผิวหน้าและผิวกายได้อย่างยอดเยี่ยม

ครีมบำรุงผิวที่สาว ๆ ควรจับจองเป็นเจ้าของ

ทั้งนี้สำหรับครีม หรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิว มีทั้งใช้เฉพาะใบหน้าและทั่วเรือนร่าง ซึ่งแต่ละยี่ห้อมีผลิตภัณฑ์สูตรต่าง ๆ ออกมามากมาย เพื่อความเหมาะกับความต้องการของผู้ใช้แต่ละคน ส่วนเรื่องราคามีทั้งราคาจับต้องได้ และบางยี่ห้ออาจจะแพงจนเกินไป ดังนั้นการเลือกซื้อจึงขึ้นอยู่ความสะดวกหลายด้านของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นราคา หรือการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับผิว

5 ยี่ห้อผลิตภัณฑ์ทาหน้าอ่อนโยนต่อผิว และไม่เป็นอันตราย

ทั้งนี้ถ้าพูดถึง ครีม เซรั่ม หรือมอยเจอร์ไรซอร์ หรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวต่าง ๆ ทั้งผิวหน้า และผิวกาย ในเวลานี้เชื่อว่าหลายคนคงมีผลิตภัณฑ์ในดวงใจ เพราะใช้เป็นประจำอยู่แล้ว แต่วันนี้ขอแนะนำ 5 ยี่ห้อที่ดี และน่าสนใจ อีกทั้งเชื่อว่าเหมาะกับทุกสภาพผิวแน่นอน

1. L’OREAL PARIS WHITE PERFECT DAY CREAM

ครีม
L’OREAL PARIS WHITE PERFECT DAY CREAM

สำหรับผลิตภัณฑ์จากแบรนด์นี้ถือว่าเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่สาว ๆ และยังได้ชื่อว่าเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยผิวที่ดีและได้รับความนิยมมานาน สำหรับตัวนี้เป็นเดย์ครีม เนื้อครีมมีสีขาวใส่กลิ่นหอมอ่อน ๆ ลงไป โดยเนื้อครีมเนียนนุ่มทำให้การเกลี่ยลงบนผิวไม่มีปัญหามากนัก และด้วยส่วนผสมจากทัวร์มาลีน อัญมณีสีชมพู หรือ Tourmaline Gemstone ช่วยให้ผิวกระจ่างใสเปล่งปลั่งอมชมพูมากขึ้น นอกจากนั้นช่วยลดรอยด่างดำบนใบหน้า รวมถึงความหมองคล้ำ โดยแบรนด์ได้รับความนิยมจากผู้ใช้จริงต่อเนื่อง ส่วนเรื่องราคาไม่ได้แพงมากนัก เพราะอยู่ที่ 499 บาท

2. La Roche Posay Effaclar K [+]

ครีม
La Roche Posay Effaclar K [+]

ตัวนี้เหมาะสำหรับกับคนที่เป็นสิวง่าย และไม่รู้ว่าควรใช้ครีมตัวไหนดี ขอแนะนำว่าครีมตัวนี้คือทางเลือกที่ดีที่สุดแน่นอน เพราะเป็นมอยเจอร์ไรเซอร์ ที่มีกลไกการทำงานซึมซาบลึกถึงชั้นผิวอย่างอ่อนโยนภายในเวลารวดเร็ว โดยไม่ก่อให้เกิดความมันบนใบหน้า และลดปัญหาสิวอุดตัน รวมถึงหน้ามันไปได้ไม่ยาก แถมเนื้อครีมยังช่วยลดความมันสะสมบนใบหน้าได้นานถึง 8 ชั่วโมงด้วยกัน จากส่วนผสมของวิตามิน E และ Carnosine ซึ่งช่วยให้การผลัดเซลล์ผิวอ่อนโยน และลดการผลิตน้ำมัน LHA ของผิวได้อย่างดี ส่วนเรื่องราคาอาจจะแรงไปหน่อยเนื่องจากมีราคาอยู่ที่ 740 บาท

3. Viocell Intensive Sleeping Mask

ครีม
Viocell Intensive Sleeping Mask

ครีมสลิปปิ้งมาสก์ อ่อนโยนเหมาะกับคนผิวแพ้ง่ายอย่างมาก เนื่องจากมีส่วนผสมของสารสกัดจากผักและผลไม้มากถึง 9 ชนิด และเนื้อครีมมีความเข้มข้นเป็นพิเศษ ซึ่งช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระได้ถึง 2 เท่า นอกจากนั้นยังช่วยกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นผิว ให้ดูกระชับ ผิวฟู อีกทั้งช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าอย่างอ่อนโยน พร้อมเผยผิวกระจ่างเป็นธรรมชาติอีกครั้ง โดยตัวนี้เหมาะกับคนที่พักผ่อนน้อย ผิวแห้งขาดน้ำหรือคนที่มีอาการแพ้ได้ง่าย อีกทั้งยังเหมาะกับคนที่เกิดสิวได้ง่ายอีกด้วย ส่วนเรื่องราคาอยู่ที่ 990 บาท 

4. Neutrogena Hydro Boost Water Gel

ครีม
Neutrogena Hydro Boost Water Gel

เจลทาผิวบางเบาจาก Neutrogena เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจและต้องแนะนำ เพราะมาพร้อมกับเนื้อเจลบางเบา แต่ซึมเข้าถึงชั้นผิวอย่างรวดเร็ว ไม่ทำให้เกิดความแห้งตึง และทำให้ผิวมีความชุ่มชื้นสุด ๆ อิ่มน้ำนานถึง 72 ชั่วโมง นอกจากนั้นยังทำให้ผิวดูแข็งแรงมากขึ้นอีกด้วย ไม่เพียงเท่านั้นแม้เนื้อเจลจะบางเบา แต่สามารถรับมือกับแสงแดดได้ดีทีเดียว ซึ่งครีมเจลตัวนี้นอกจากจะเหมาะกับคนผิวแห้งแล้ว ยังเหมาะกับคนที่นอนดึก หรือพักผ่อนน้อยอย่างมาก ส่วนเรื่องราคาเริ่มต้นที่ 260 บาท 

5. Kiehl’s Ultra Facial Cream

ครีม
Kiehl’s Ultra Facial Cream

สำหรับตัวนี้มีเนื้อครีมเข้มข้นเป็นพิเศษ แต่มีความอ่อนโยนต่อผิวเป็นพิเศษ อีกทั้งไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม สี หรือแอลกอฮอล์ รวมถึงสารก่อให้เกิดอาการแพ้ทุกชนิด ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นผิวหน้าบอบบางหรือแพ้ง่าย สามารถใช้ตัวนี้ได้โดยไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้แน่นอน นอกจากนั้นยังมีส่วนผสมของสารสกัดจากธรรมชาติอย่าง Antarcticine, ไกลโคลโปรตีน ซึ่งจะทำหน้าที่ปกป้องผิวจากอากาศเย็น เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวตลอดเวลาทั้งวัน ส่วนข้อดีอีกอย่างคือไม่เพิ่มความมันวาวให้กับผิวหน้าแน่นอน ส่วนราคาอยู่ที่ 1,260 บาท

การทาครีมบำรุงผิวเป็นสิ่งสำคัญมากด้วยมลภาวะต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันทำให้เกิดริ้วรอยและผิวเสียได้ง่ายขึ้น ส่งผลให้เกิดสิว ฝ้า กระ จุดด่างดำต่าง ๆ มากมาย จนทำให้หลายคนขาดความมั่นใจ ดังนั้นการมีตัวช่วยเพิ่มความสดใส และเติมพลังต่าง ๆ ให้ผิวดีขึ้นจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก

Categories
รวมบทความ

5 อันดับขนมไทยยอดนิยมของคนสายหวาน

ขนมไทย
5 อันดับขนมไทยยอดนิยมของคนสายหวาน

ถ้าพูดถึงขนมหวานเชื่อว่า ขนมไทย ติดอยู่ในลำดับต้น ๆ ของอันดับเมนูอาหารของหวานที่หลายคนชื่นชอบ เพราะมีหลายเมนูอร่อย และยังทำให้หลายคนถึงขั้นลืมนับแคลอรีกันมาแล้วหลายคนด้วยกัน แถมยังมีบางเมนูที่ขึ้นแท่นเป็นเมนูขนมหวานที่อร่อยที่สุดติดอันดับ 50 ขนมหวานที่อร่อยที่สุดในโลก ในปี 2019 มาแล้ว และปัจจุบันยังคงเป็นเมนูที่ครองใจใครหลายคนอีกด้วย

ขนมไทยยังคงได้รับความนิยมเหมือนเดิม

จุดเด่นของ ขนมไทย ไม่ได้มีดีแค่ความอร่อย แต่เรื่องของความประณีตในการทำทั้ง สีสัน หน้าตา วัตถุดิบ และบรรจุภัณฑ์ ต่างเป็นจุดขายทำให้ เมนูขนมไทย ได้รับความนิยมมาโดยตลอด นอกจากนั้นบางเมนูจัดว่าอยู่ในหมวดขนมมงคล ที่ใช้สำหรับงานขึ้นบ้านใหม่ , งานบวช งานมงคลสมรส และงานมงคลอื่น ๆ อีกมากมาย ตามความเชื่อว่าชื่อขนมจะเสริมความมงคลให้เจ้าของงาน และผู้มาร่วมงานระยะยาว

5 อันดับเมนูขนมไทย ที่ยังฮิตในหมู่นักชิม

สำหรับ 5 เมนูขนมไทยยังคงเป็นที่นิยมของนักชิม แถมบางเมนูได้ชื่อว่าเป็นเมนูอาหารหวานไทยที่ได้รับความนิยมในระดับนานาชาติ เป็นเมนูที่หาทานได้ง่าย และมีหลายเจ้าทำอร่อยอีกด้วย ซึ่งทำให้กลายเป็นเมนูขนมหวานไทยที่ได้รับความนิยมจากจากนักชิมรุ่นสู่รุ่นมาจนถึงทุกวันนี้

1. ข้าวเหนียวมะม่วง

ขนมไทย
ข้าวเหนียวมะม่วง

เมนูนี้เป็นเมนูขนมไทยที่หาได้ง่าย แต่หาเจ้าที่อร่อยที่สุดอาจจะเป็นเรื่องยากกันสักหน่อย เพราะถึงแม้วัตถุดิบมีไม่กี่อย่าง แต่ใช่ว่าจะทำกันง่าย ๆ โดยเฉพาะขั้นตอนของการมูนข้าวเหนียว ซึ่งจุดปราบเซียนคงไม่พ้นความหวาน มัน และรสชาติกลมกล่อมของตัวข้าวเหนียวมูน อีกทั้งข้าวเหนียวต้องนิ่มไม่เละหรือแข็งจนเกินไป ส่วนมะม่วงต้องหาเจ้าที่อร่อยที่สุด ซึ่งปัจจุบันนิยมใช้มะม่วงน้ำดอกไม้และอกร่องเท่านั้น ซึ่งให้รสชาติหวาน หอมในตัวอยู่แล้ว ตัดกับข้าวเหนียวมูนรสชาติมันเค็มหวานเล็กน้อย ยิ่งเพิ่มความฟินมากขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว ดังนั้นไม่น่าแปลกใจที่เมนูนี้ได้รับเลือกให้เป็นขนมสัญชาติไทยอร่อยติด 1 ใน 50 อันดับของโลก

2. ทับทิมกรอบ

ขนมไทย
ทับทิมกรอบ

อีกหนึ่งเมนูขนมไทยตัวแทนประเทศ ที่ได้รับเลือกให้เป็นเมนูที่อร่อยที่สุดในโลกของยุคนี้ โดยความอร่อยของเมนูนี้อยู่ที่เม็ดทับทิมสีสันสวยงาม ซึ่งทำมาจากเนื้อแห้วหรือหลายคนเรียกสมหวัง คลุกกับสีผสมอาหารตามชอบ หรือสีตามธรรมชาติ จากนั้นคลุกกับแป้งมันบาง ๆ แล้วต้มในน้ำเดือด ซึ่งตัวเม็ดทับทิมที่สุกแล้วจะลอยตัวขึ้นมาอย่างสวยงาม จากนั้นเวลาเสิร์ฟราดด้วยน้ำกะทิอบควันเทียนกลิ่นหอม บวกด้วยน้ำเชื่อมผสมด้วยขนุนเพิ่มความหอมหวานไปอีก ซึ่งบางคนยังเพิ่มเนื้อลูกตาล ลูกชิด ถั่ว หรือลอดช่องฯลฯ ตามความชอบของแต่ละคน

3. ข้าวต้มมัด

ขนมไทย
ข้าวต้มมัด

ขนมไทยมีชื่อเรียกแต่ละท้องถิ่นแตกต่างกันไป แต่ข้าวต้มมัดนั้นเป็นอีกหนึ่งเมนูขนมหวานไทยที่หลายคนชื่นชอบ ด้วยส่วนผสมของกล้วยน้ำว้า บวกกับข้าวเหนียวผัดกับน้ำกะทิผสมกับน้ำตาลและเกลือ จากนั้นนำมาห่อแล้วมัดเป็นคู่ ซึ่งหลายบ้านอาจจะนำไปนึ่ง แต่ถ้าสูตรเดิมต้องต้มด้วยน้ำเล็กน้อย เมื่อสุกแล้วจะได้รสชาติ หวาน มัน เค็มหน่อย ๆ ซึ่งบางคนอาจจะเพิ่มเม็ดถั่วดำ ถั่วแดง หรืออาจจะเป็นถั่วขาว ในข้าวเหนียวเพิ่มความอร่อยมากยิ่งขึ้น

4. บัวลอย

ขนมไทย
บัวลอย

เมนูขนมหวานที่หลายคนสามารถยึดเป็นอาชีพถาวร เพราะเป็นเมนูทานง่าย อร่อย แถมมีลูกเล่นที่เครื่องเคียงมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น มัน เผือก ข้าวโพด หรือแม้แต่ลูกเดือย ฯลฯ ส่วนจุดขายของแต่ละร้านคือเม็ดบัวลอย ซึ่งจะต้องมาพร้อมกับความหนึบ เหนียว เม็ดเล็ก และน้ำกะทิหอม หวาน มัน นอกจากนั้นการเพิ่มไข่ (ไข่นกกระทา, ไข่เค็ม และไข่ต้มที่ตอกใส่น้ำหวาน) ลงไปยิ่งเพิ่มความอร่อยให้กับขนมบัวลอยเพิ่มขึ้นไปอีก

5. ขนมเทียน

ขนมไทย
ขนมเทียน

สำหรับขนมเทียน หรืออีกชื่อหนึ่งคือขนมนมสาว ถือว่าเป็นขนมที่หาทานได้ง่าย อีกทั้งยังเป็นเมนูที่หลายคนชื่นชอบ แถมยังเป็นเมนูที่ถูกจัดว่าเป็นของมงคลอีกด้วย สำหรับขนมเทียนทำมาจากแป้งข้าวเหนียวจะมีทั้งไส้เค็มและไส้หวาน ส่วนภาษาที่ใช้เรียกกันในแต่ละภูมิภาคแตกต่างกัน โดยทางภาคเหนือเรียกว่า ขนมจ็อก ส่วนทางภาคอีสานเรียกว่าขนมหมก ส่วนทางภาคใต้จะเรียกว่า ขนมค่อม ซึ่งจะเห็นขนมชนิดนี้ในประเพณีตรุษจีนเป็นส่วนใหญ่

สำหรับการรับประทานอาหารของคนไทยคล้าย ๆ กับคนต่างชาติ เพราะจะมีของหวานตบท้าย เป็นการล้างปาก และถือว่าเป็นการสิ้นสุดเมนูนั้น ๆ อย่างสวยงาม โดยในบรรดาเมนูของหวานของไทยไม่ได้ดังแค่ในประเทศเท่านั้น แต่มีอีกหลายเมนูเป็นที่พูดไปทั่วโลกอีกด้วย และยังเป็นเมนูที่หาทานได้ง่าย เพราะมีขายทั่วไป แถมยังทำให้นักท่องเที่ยวจากประเทศต่าง ๆ ชื่นชอบ

Categories
รวมบทความ

5 อันดับ สัตว์มงคล เสริมดวงตามศาสตร์จีน 

สัตว์
5 อันดับ สัตว์มงคล เสริมดวงตามศาสตร์จีน

ถ้าพูดถึงความเชื่อตามศาสตร์จีน การใช้เครื่องตกแต่งบ้านเป็น สัตว์ มงคลต่าง ๆ จะช่วยเพิ่มความโชคดีให้แก่บ้านหลังนั้น ไม่ว่าจะเป็นความสำเร็จในเรื่องต่าง ๆ ตามที่คาดหวัง รวมถึงโชคลาภ กำไรจากการลงทุน การค้าขายจะเพิ่มพูนมากยิ่งขึ้น ซึ่งหลายบ้านมักจะวางสัตว์มงคลเอาไว้ตามจุดต่าง ๆ เพื่อเรียกทรัพย์และความโชคดีเข้ามาบ้าน

สัตว์ มงคลที่ใช้สำหรับประดับบ้านเพื่อเรียกทรัพย์มีหลายชนิดด้วยกัน 

สำหรับหลายบ้านยังคงคุ้นเคยกับสัตวตำนานศาสตร์จีน เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เพราะต้องการเรื่องของการ เสริมดวงอยู่แล้ว มักจะคุ้นเคยกันดีกับ สัตว์ นานาชนิด ที่อยู่ตามจุดต่าง ๆ ของตัวบ้าน โดยสัตว์แต่ละตัวจะมีความหมายแตกต่างกัน ซึ่งในวันนี้จะนำเสนอ 5 ชนิด ที่หลายคนนำมาวางในบ้าน เพื่อเพิ่มพลังบวก เพิ่มเงินทอง และเพิ่มพูนความโชคดีให้ทุกคนในบ้านมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้สำหรับ สัตว์ มงคลทั้ง 5 ชนิด มีอะไรกันบ้าง และแต่ละชนิดมีความหมายอย่างไร

ซึ่ง สัตว์ ทั้ง 5 ชนิด เสริมฮวงจุ้ย ในบ้านและคนในครอบตัวมีดังนี้ 

1.  หงส์ 

สัตว์
หงส์

ความหมายของ หงส์ สัตว์ในเทพนิยายของจีน ซึ่งปัจจุบันนำมาใช้เป็นของตกแต่งบ้าน โดยความเชื่อของคนจีน มองว่า หงส์ คือตัวแทนของผู้หญิง และความรัก ซึ่งมีความหมายถึงความสุขจากความสำเร็จ ความเจริญรุ่งเรือง และความสง่างาม เหมือนกับท่วงท่าของ หงส์ ทั้งการเดิน และการสยายปีก ส่วนวิธีการวางสัตว์มลคลในบ้าน จะต้องวางให้หันหน้าเข้ามาในบ้านเท่านั้น ซึ่งบางคนจะวางเอาไว้เป็นคู่ เพื่อเสริมดวงเรื่องชีวิตคู่ไปในตัว

2.  กวาง

สัตว์
กวาง

สำหรับความหมายของ กวาง หมายถึงตัวแทนของความสมหวังทุกความปรารถนา รวมถึงความมั่งมี ทั้งนี้หากเป็นกวางคาบแก้ว จะหมายถึงอายุยืน และมีความรุ่งเรือง หากใครมีไว้ครอบครอง จะร่ำรวย และมีอายุยืนยาว อีกทั้งยังมีความเจริญก้าวหน้าในทุกเรื่อง โดยไม่มีสิ้นสุด แต่จะข้อแม้ว่าห้ามหันหน้ากวางออกไปหาประตูเด็ดขาด เพื่อป้องกันความโชคดีหายออกไปจากบ้าน หรือจากคนในบ้าน 

3.  มังกร

สัตว์
มังกร

ตามศาสตร์ชาวจีน มังกร จะเป็นตัวแทนของผู้ชาย ซึ่งจะมีทั้งความกล้าหาญ อีกทั้งยังสื่อถึงความตั้งใจ และยังสื่อความหมายถึงความแข็งแกร่งของผู้ชาย ส่วนความหมายในเรื่องเสริมดวงคือช่วยส่งเสริมเรื่องการค้าขาย อีกทั้งยังช่วยเรื่องโชคลาภอีกด้วย ทั้งนี้วิธีการวาง มังกร ให้ถูกต่ำแหน่งคือ ต้องหันหน้าเข้าบ้าน ร้านค้า หรือสำนักงาน นอกจากนั้นชาวจีนมีความเชื่อว่า มังคร เป็นจิตวิญญาณของการเปลี่ยนแปลง และฟื้นฟูจนทุกอย่างดีขึ้น

4.  เสือ

เสือ

ความหมายของ เสือ หรือ พยัคฆ์ ตามคำราศาสตร์จีนคือ อำนาจ ความกล้าหาญ รวมถึงความแข็งแกร่งในฐานะผู้นำ เพราะเสือคือนักล่า และน่าเกรงขามมากเมื่ออยู่ในป่า ดังนั้นคนจีนเชื่อกันว่าหากนำ เสือ มาประดับในห้องทำงาน หรือตัวบ้าน ทำให้บ้านหลังนั้นดูน่าเกรงขามมากยิ่งขึ้น อีกทั้งทำให้การค้ามีอำนาจต่อรองเหนือคู่แข่งมากขึ้นไปอีก นอกจากนั้นยังมีความเชื่อกันว่า เสือ สามารถปัดเป่าสิ่งไม่ดีพ้นจากตัวบ้านหรือที่ทำงานได้ และยังเสริมธุรกิจให้ประสบความสำร็จง่ายมากขึ้น ดังนั้นเครื่องรางอย่าง เสือ จึงติดอันดับการเสริมดวงของใครหลายคนมาอย่างยาวนาน

5.  ม้า

สัตว์
ม้า

หมายถึงพลัง ความว่องไวทางการค้าขาย รวมถึงความสำเร็จ ซึ่งเปรียบเหมือน ม้าเร็ว ที่ทำหน้าที่คอยแจ้งข่าวต่าง ๆ และด้วยความปราดเปรื่องของม้า ส่งผลให้เป็นอีกหนึ่งเครื่องรางที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ส่วนที่นิยมมากที่สุดคือ ภาพวาด หรือภาพเขียน ม้า 8 ตัว กำลังวิ่งด้วยกัน โดยภาพของม้าที่กำลังวิ่งจะหมายถึงกำลังกระโจน และทะยานไปสู่ความสำเร็จ ด้วยความว่องไว รวดเร็ว ส่วนวิธีวางรูปป้นม้า หรือภาพวาดม้า จะต้องหันเข้าบ้านอย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งภาพดังกล่าวจะพบเห็นได้ทั่วไป เนื่องจากหลาย ๆ บ้าน หรืออาการต่าง ๆ ของคนจีน หรือใครหลายคนที่ต้องการเสริมดวง หรือฮวงจุ้ย จะติดภาพม้าไว้ที่ผนังบ้าน

สำหรับ สัตว์ มงคลทั้ง 5 ชนิด ยังคงเป็นที่นิยม เสริมดวง อย่างแพร่หลายของนักธุรกิจ หรือคนทำการค้าอย่างต่อเนื่อง ด้วยความเชื่อว่าเพิ่มโอกาสให้การค้าเจริญรุ่งเรืองไปได้สูงมาก ซึ่งหลายคนประสบความสำเร็จมากมาย หลังจากบูชาและวางอย่างถูกวิธี เนื่องจากตำรา โดยสามารถบูชาด้วยรูปปั้น หรือบางคนแค่เอารูปภาพ 

Categories
รวมบทความ

5 อันดับ ต้นไม้ ด่างราคาแพงสุดในเวลานี้

ต้นไม้
5 อันดับ ต้นไม้ ด่างราคาแพงสุดในเวลานี้

สำหรับปัจจุบัน ต้นไม้ ถือว่าเป็นอีกหนึ่ง ของตกแต่งบ้าน ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ส่วนเรื่องราคาในปัจจุบันจัดว่ามีราคาค่อนข้างดี เพราะมีหลายประเภทกำลังได้รับความนิยมจากคนเล่น หรือคนรักต้นไม้ ดังนั้น การซื้อ – ขายกันในเวลานี้ถือว่าทำกำไรงามไม่น้อยเลยทีเดียว

ราคา ต้นไม้ เริ่มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง 

สำหรับราคา ต้นไม้ ที่สูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในเวลานี้คือ ต้นไม้ด่าง ซึ่งมีราคาจัดว่าแพงกันเลยทีเดียว แถมราคายังไม่นิ่งมากนัก เมื่อเทียบกับราคาต้นไม้ชนิดอื่น โดยความพึงพอใจของการซื้อ และขายล่าสุด ราคามีโอกาสแตะหลัก 7 หลักมาแล้ว ทำให้ตอนนี้เรียกได้กว่ากระแสไม้ด่าง กลายเป็นกระแสทำเงินสุดฮิตของกลุ่มคนเล่นต้นไม้ทันที 

กระแสความด่างของแต่ละต้นยิ่งเพิ่มราคาอย่างต่อเนื่อง 

โดยล่าสุดพบว่า ต้นไม้ ยิ่งด่าง และมีลวดลายแปลก ๆ ยิ่งเพิ่มมูลค่าไม้ด่าง มากขึ้นอีกหลายเท่าตัว แถมปัจจุบันราคายังไม่มีแนวโน้มจะลดลงแต่อย่างใด ทำให้ตอนนี้ ราคาไม้ด่าง ยังคงเป็นไม้ในกระแส และเป็นต้นไม้ยอดนิยมที่คนรักต้นไม้พร้อมทุ่มเงินทันที โดยมาดูกันว่าชนิดไหนมีราคาแพงติดท็อป 5 กันบ้าง

1.  กล้วยแดงอินโดด่าง

ต้นไม้
กล้วยแดงอินโดด่าง

ตอนนี้จัดว่ากำลังมาแรง และกำลังฮิตสุด ๆ มากกว่าใครเพื่อน คงต้องยกให้เขา เพราะปัจจุบันนอกจากจะเป็นกระแสติดท็อป 1 แล้ว ไม่ใช่ต้นไม้ที่ใครจะซื้อได้ง่าย ๆ เนื่องจากมีราคาเริ่มต้นค่อนข้างสูงอย่างมาก และกลายเป็นต้นไม้ทำเงินให้กับคนเล่นต้นไม้ชนิดนี้ทันที ซึ่งปัจจุบันมีราคาเริ่มต้นที่ 40,000 บาท และล่าสุดสูงถึง 1,500,000 บาท โดยราคาที่พูดถึงนั้นคือ ราคาของหน่อกล้วย แต่หากมีลวดลายสวยงาม และแปลกตา ราคาอาจจะมีโอกาสสูงขึ้นได้อีก ส่วนจุดเด่นของไม้ชนิดนี้คือ สีสัน และลวดลายสะดุดตา 

2.  มอนสเตอร่าด่างมินต์ 

ต้นไม้
มอนสเตอร่าด่างมินต์

สำหรับสาวกมอนสเตอร์ร่า หรือที่รู้จักกันในฉายา “ราชินีต้นไม้” คงต้องสำรวจต้นไม้ที่มีอยู่ที่บ้านแล้วว่า มีสายพันธุ์นี้อยู่ในมือหรือเปล่า เพราะราคาของเจ้าตัวนี้ไม่เบาเลยทีเดียว เนื่องจากในปัจจุบันมีราคาสูงเหยียบ 7 หลัก เรียบร้อยแล้ว ดังนั้น จึงจัดว่าเป็นต้นไม้ไฮโซของจริงอีกชนิดหนึ่ง โดยราคาที่ซื้อ – ขายกันล่าสุดแพงถึง 1,400,000 บาท กันเลยทีเดียว ส่วนความโดดเด่นอยู่ที่สีของใบ ซึ่งจะมีสีเหลืองปน หรือขาวเติมความด่างมากขึ้น 

3.  ฟิโลเดนดรอน เรดคองโก เหลืองด่าง 

ต้นไม้
ฟิโลเดนดรอน เรดคองโก เหลืองด่าง

ต้นไม้จากทวีปอเมริกาใต้ พันธุ์นี้มีราคาแพงขึ้นแท่นเป็นอันดับ 3 ของตำแหน่งราคาต้นไม้แพงที่สุดในเวลานี้ โดยราคาต่อต้นอยู่ที่ 140,000 บาท กันเลยทีเดียว โดยความสวยงามของไม้ชนิดนี้คือ ใบจะมีสีเหลืองปนแซมเขียว ซึ่งเพิ่มความน่าสนใจให้ต้นไม้ชนิดนี้ได้เป็นอย่างดี ซึ่งปัจจุบันจัดว่าเป็นต้นไม้ที่กำลังมาแรง หายาก และได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มคนเลี้ยงต้นไม้ ส่วนการเลี้ยงดูไม่ยาก เพราะไม้ชนิดนี้สามารถอาศัยได้โดยไม่ต้องอิงต้นไม้อื่น ๆ จึงกลายเป็นไม้กระถางที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในเวลานี้ 

4.  เสน่ห์จันทร์ดำด่าง

ต้นไม้
เสน่ห์จันทร์ดำด่าง

ถ้าพูดกันตามหลักวิทยาศาสตร์แล้วพืชชนิดนี้ เกิดจากความผิดปกติทางพันธุกรรม แต่เมื่อได้สี และความแปลกตาไม่เหมือนใคร กลับเพิ่มมูลค่าให้ต้นไม้ชนิดนี้ได้อย่างงามกันเลยทีเดียว โดยความแตกต่างที่เกิดขึ้นคือ ใบจะมีลายด่างสีขาวปนสีชมพูออกมา โดยปัจจุบันจัดว่าเป็นไม้หายากมากอีกชนิดหนึ่ง ดังนั้น จึงไม่แปลกที่ราคาจะพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และยิ่งมีลวดลายเพิ่มเข้าไป ยิ่งเติมความแพงให้ต้นไม้ชนิดนี้มากขึ้นไปอีก ส่วนราคาที่เล่นกันในปัจจุบันอยู่ที่ 125,000 บาท 

5.  พลูฉลุด่าง

ต้นไม้
พลูฉลุด่าง

ไม้ประดับที่อาจจะดูธรรมดาของหลายคน ซึ่งเมื่อก่อนราคาเริ่มต้นที่หลักสิบ แต่ในปัจจุบันราคาพุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง ด้วยเหตุผลว่ามีโอกาสเกิดขึ้นไม่กี่เปอร์เซ็นต์เท่านั้น โดยราคาซื้อ – ขายจะเริ่มต้นที่หลักหมื่น จนถึงหลักแสนบาท แต่สิ่งที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจซื้อต้นไม้ชนิดนี้คือ เขาจะขายกันโดยนับใบด่าง ดังนั้น หากมีใบด่างจำนวนมาก ต้องคูณจำนวนเงินตามราคาตั้งต้นเข้าไปเท่านั้น 

ในปัจจุบันต้นไม้ประดับชนิดต่าง ๆ กลายเป็นอีกหนึ่งสินค้าที่บอกได้คำเดียวว่า ราคาสวนกระแสกับเศรษฐกิจที่ถดถอยอย่างมาก แต่ก่อนจะลงทุนซื้อต้นไม้ ควรศึกษาข้อดี และข้อเสียระยะยาว รวมถึงวิธีการเลี้ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

Categories
รวมบทความ

5 อันดับหุ้นน่าลงทุนในปี 2021

หุ้น
5 อันดับหุ้นน่าลงทุนในปี 2021

การลงทุนด้วยการซื้อ-ขาย หุ้น ถือว่าเป็นการลงทุนที่หลายคนกำลังนิยมกันมากขึ้น และมีทั้งระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งปัจจุบันหุ้นยังมีประเภทต่าง ๆ แยกออกไปอีกหลายแบบ ดังนั้น จึงค่อนข้างมีความเสี่ยงในการลงทุนมากพอสมควร

การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์กำลังน่าสนใจมากขึ้น

อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่า หุ้น จะมีความเสี่ยงในการลงทุน หรือการเทรดหุ้นแต่ละครั้งอาจจะมีแนวโน้มเจอความผันผวนไม่แน่นอน แต่ถึงอย่างนั้นยังมีนักลงทุนทั้งมือใหม่และเก่ากำลังมองหาตัวที่น่าเล่น และมีโอกาสทำกำไรเข้ากระเป๋าได้ง่าย โดยมีโอกาสเจ็บตัวน้อยที่สุด และลดโอกาสติดดอยในการลงทุนมากที่สุด

มีหลายตัวน่าลงทุนแต่มี 5 ตัวที่กำลังมาแรงในช่วงนี้

ในตลาดหลักทรัพย์การซื้อขายหุ้น หรือการ Exchange หุ้น ถือว่าเรียกความสนใจเหล่านักลงทุนได้มากทีเดียว และทุกตัวต่างเป็นตัวที่น่าสนใจแตกต่างกัน โดยเหตุผลว่าความเหมาะสมในการลงทุนซื้อขาย ซึ่งมีทั้งระยะยาวและระยะสั้น สำหรับ 5 ตัวที่น่าสนใจและควรพิจารณาเทรดมากที่สุดมีดังนี้ 

1.  CPALL

หุ้น
CPALL

สำหรับบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด ยังคงอยู่ในกลุ่มบริษัทน่าลงทุนน่าสนใจเสมอ โดยธุรกิจหลักของบริษัทแห่งนี้คือธุรกิจค้าปลีก ประเภทร้านสะดวกซื้อ ซึ่งที่หลายคนคุ้นเคยกันดีคือ ร้าน 7-11 โดยในร้านจะมีบริการย่อยอีกหลายประเภทด้วยกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวแทนรับชำระค่าบริการต่าง ๆ หรือที่เราคุ้นหูกันดีคือ “เคาน์เตอร์เซอร์วิส” นอกจากนั้นยังมีการผลิต และจำหน่ายอาหารแช่แข็งรวมถึงเบเกอรี่ต่าง ๆ โดยการตัดสินใจเล่นหุ้นกับกลุ่มบริษัท CP ถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ และมีแนวโน้มเจริญเติบโต อีกทั้งมีโอกาสประสบความสำเร็จในการลงทุนอย่างมากอีกด้วย

2.  KBANK

หุ้น
KBANK

กลุ่มทุนธนาคาร ซึ่งทางด้าน KBANK คือกลุ่มทุนธนาคารกสิกรไทย ซึ่งปัจจุบันธนาคารแห่งนี้ถือว่าจัดอยู่ในระดับชั้นนำในไทย นอกจากนั้นยังมีแนวโน้มเจริญเติบโตไปได้อีกไกล เนื่องจากมีเงินสำรองอยู่ในระดับสูง อีกทั้งยังมีการปรับตัวเข้ากับระบดิจิตอลได้อย่างดี ทำให้เป็นอีกหนึ่งธนาคารที่มีฐานลูกค้าเป็นจำนวนมาก อีกทั้งมีแนวโน้มว่าในอนาคตจะมีมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง และที่สำคัญยังได้รับความนิยมโดย Fund Flow จากต่างชาติอีกด้วย ดังนั้นจึงเป็นหุ้นที่มีความน่าเชื่อถือได้มากทีเดียว

3.  ADVANC

หุ้น
ADVANC

กลุ่มหุ้นลงทุนบริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด(มหาชน) หรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อ AIS โดยบริษัทแห่งนี้เป็นยักษ์ใหญ่ทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสารของประเทศไทย ซึ่งให้บริการเกี่ยวกับเครือข่ายสัญญาณโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ ดังนั้นเมื่อพูดถึงความมั่นคงเจ้านี้ถือว่าน่าสนใจไม่แพ้กลุ่มทุนอื่น ๆ เนื่องจากปัจจุบันธุรกิจการสื่อสารถือว่ามีแนวโน้มไปได้ไกลไม่ต่างจากธุรกิจด้านอื่น หลังจากการแย่งตำแหน่งที่ 1 ของเจ้าตลาดถือว่ามาในธุรกิจสื่อสารกำลังขับเคี่ยวกันอย่างต่อเนื่อง 

4.  BDMS

หุ้น
BDMS

บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) ถือว่าเป็นหุ้นอีกหนึ่งตัวเลือกที่นักลงทุนทั้งใหม่และเก่า ควรให้ความสนใจเป็นพิเศษไม่ต่างจากตัวเลือกอื่น ๆ เนื่องจากเป็นกลุ่มทุนที่ประกอบธุรกิจขนาดใหญ่ทางด้าน โรงพยาบาลเอกชนระดับประเทศหลายแห่ง อาทิเช่น โรงพยาบาลกรุงเทพ , โรงพยาบาลสมิติเวช และโรงพยาบาลพญาไท ฯลฯ นอกจากนั้นยังมีธุรกิจสนับสนุนทางการแพทย์อีกหลายอย่างด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น ผลิตยา , ผลิตน้ำเกลือ และห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ ดังนั้นโอกาสทำกำไรจากการลงทุนด้วยการเทรดจึงมีโอกาสเจริญเติบโตมากขึ้นแน่นอน

5.  EA

หุ้น
EA

เป็นกลุ่มพลังงานบริสุทธิ์ จำกัดในระดับมหาชน โดยหุ้นตัวนี้ถือว่าน่าสนใจมากทีเดียว เพราะสามารถลงทุนได้ในระยะยาว เพราะมีแนวโน้มทำกำไรเพิ่มสูงมากขึ้นระยะยาว เนื่องจากในอนาคตพลังงานสะอาดจะเป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้น หลังจากกระแสรถยนต์ไฟฟ้าคือทางเลือกใหม่ และน่าจะเป็นตัวเลือกถาวรในโลกอนาคตอันใกล้นี้ โดยสินค้าของบริษัทที่นี่คือ ผลิตและจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซล นอกจากนั้นยังมีธุรกิจผลิต และจำหน่ายกระแสไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน และยังมีแบตเตอรี่ทั้งทั่วไปและสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ฯลฯ

การซื้อ-ขายหุ้น คือการลงทุนที่หลายคนมองว่ามีรายได้ระยะยาว แต่สำหรับมือใหม่ต้องศึกษาอย่างละเอียด เพื่อความปลอดภัย เนื่องจากหากลงทุนไม่ถูกต้องจะทำให้การลงทุนเสียเปล่า ทั้งเรื่องของการเงินและเวลาที่เสียไป แต่หากมีกลุ่มแนะนำการลงทุนที่ดี การลงทุนในตลาดหุ้นจะมีโอกาสทำกำไรจำนวนมหาศาลไม่ยาก 

Categories
รวมบทความ

5 อันดับ วัด ที่สวยที่สุดจนติดอันดับโลก

วัด

ถ้าพูดถึง วัด หรือ (TEMPLE) ของศาสนาต่าง ๆ ทั่วโลกมีหลายแห่งขึ้นชื่อเรื่องความสวยงาม และแต่ละแห่งต่างเป็นวัดที่มีความสวยงามแตกต่างกันออกไป แต่สามารถสื่อถึงศิลปะ วัฒนธรรมของแต่ละประเทศได้อย่างสมบูรณ์แบบ จนถูกจัดให้ติดท็อป 5 ของโลกกันเลยทีเดียว 

แต่ละ วัด มีความวิจิตรงดงามแตกต่างกันพอสมควร 

ทั้งนี้ความสวยงามของ วัด แต่ละแห่งขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง อาทิ สถาปัตยกรรม ศิลปะ วัฒนธรรมความเป็นอยู่ ซึ่งมีผลให้เกิดจุดเด่น และความสวยงามแตกต่างกัน จนกระทั่งถูกยกให้เป็น วัดสวยที่สุดในโลก ในที่สุด แต่สิ่งที่เหมือนกันคือทุกแห่งเป็นสถานที่สำคัญทางจิตใจ

โดยทั้ง 5 แห่งถือว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญทางจิตใจ

ปัจจุบัน วัด หลายแห่งมีความสวยงามมาก แต่ในส่วนของความสวยงามเชื่อว่า มีหลายแห่งถูกยกให้สวยติดอันดับโลกด้วยเช่นกัน ซึ่งหลายแห่งจัดว่าเป็น สถานที่ท่องเที่ยว สำคัญของประเทศนั้น ๆ ไปโดยปริยาย เพราะหากไม่ได้ไปเยือนเท่ากับว่าไปไม่ถึงเลยทีเดียว โดยมาดูกันว่าทั้ง 5 แห่งมีที่ไหนกันบ้าง

1.  วัดร่องขุ่น

วัด
วัดร่องขุ่น

ที่นี่จัดว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังในจังหวัด โดยจะเน้นสีขาวเป็นหลัก และมีความวิจิตรงดงามอ่อนช้อย รวมถึงคติธรรม กุศโลบายสอนใจทั่วทุกมุมของทั้งงานปั้น และงานภาพเขียนฝาผนัง ภายในอุโบสถสวยงามอย่างมาก จากผลงานของ อาจารย์ เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์ โดยสามารถชมความสวยงามได้ทุกวัน เวลา 08.00 – 17.00 น. ซึ่งคนไทยเข้าฟรี ส่วนชาวต่างชาติจะมีค่าเข้าชม 50 บาท ต่อคน

2.  นครวัด หรือ วัดอังกอร์ 

วัด
นครวัด หรือวัดอังกอร์

อาจจะเรียกอีกอย่างว่า “อังกอร์วัด” ส่วนชื่อเต็มของที่นี่คือ “มหาปราสาทบรมวิษณุโลก” โดยความน่าสนใจ คือ สถาปัตยกรรมแบบเขมรคลาสสิกของแท้ ซึ่งปัจจุบันถูกยกให้เป็นมรดกโลก นอกจากนั้นยังเป็นสัญลักษณ์ในธงชาติของประเทศกัมพูชา ซึ่งวัดแห่งนี้ตั้งอยู่ที่เมืองเสียมเรียบ และเชื่อกันว่าสร้างมาตั้งแต่ พ.ศ. 1650 ตรงกับสมัยของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ส่วนจุดเด่น คือ ตัวปราสาทหิน และภาพแกะสลักทั่ววัด นอกจากนั้นมีกำแพง และคุ้งน้ำล้อมรอบ ส่วนค่าเข้าชม 1 วันจะอยู่ที่ 37 ดอลล่าร์ฯ ต่อคน ส่วน 3 วัน จะอยู่ที่ 62 ดอลล่าร์ฯ ต่อคน และแบบ 7 วัน ราคาจะอยู่ที่ 72 ดอลล่าร์ฯ ต่อคน โดยสามารถเข้าชมได้ทุกวันตั้งแต่เวลา 05.30 น. จนถึงตะวันตกดิน

3.  พระมหาธาตุเจดีย์ชเวดากอง

พระมหาธาตุเจดีย์ชเวดากอง

สถานที่สักการบูชาของชาวพม่า และนักท่องเที่ยวทั่วโลก ตั้งอยู่ที่เมืองย่างกุ้ง ของพม่า โดยความสวยงามจนติดอันดับโลก คือ เจดีย์สีทอง ยิ่งในช่วงเย็น หรือค่ำที่มีแสงไฟสาดส่อง ยิ่งเพิ่มความสวยงามมาก ซึ่งที่นี่เปิดให้เข้าชม และสักการะพระเจดีย์ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 04.00 – 22.00 น. ส่วนค่าเข้าชมจะอยู่ที่ 8,000 จ๊าด หรือราว 158 บาท ต่อคน

4.  ปรัมบานัน 

ปรัมบานัน

อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของเมืองยอกยาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย โดยที่นี่ไม่ใช่วัดพุทธ แต่เป็นวัดฮินดู ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชีย คาดว่าสร้างมาตั้งแต่ พ.ศ.1390 ซึ่งปัจจุบันได้ถือว่าเป็นมรดกโลกอีกแห่ง ส่วนจุดเด่นของที่นี่คือ สถาปัตยกรรมที่บ่งบอกได้ถึงความเป็นมาทางสังคม ศิลปกรรม รวมถึงวัฒนธรรมของยุคได้ดี ทำให้มีนักท่องเที่ยวเข้ามาชมความงามทุกวัน ในเวลา 06.00 – 17.00 น. ส่วนค่าเข้าชมจะเริ่มต้นที่เด็กอายุไม่เกิน 10 ปี จะอยู่ที่ 15 ดอลล่าร์ฯ ต่อคน และเด็กอายุมากกว่า 10 ปี ขึ้นไป รวมถึงผู้ใหญ่จะอยู่ที่ 25 ดอลล่าร์ฯ ต่อคน

5.  วิหารฮัรมันดิร ซาฮิบ หรือ THE GOLDEN TEMPLE 

วัด
วิหารฮัรมันดิร ซาฮิบ หรือ THE GOLDEN TEMPLE

ถ้าพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวของเมืองอัมริตซาร์ ประเทศอินเดีย คงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า วิหารทองคำแห่งนี้คือ หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องมาชม ที่นี่คือวัดซิกซ์ที่มีขนาดใหญ่ มีวิหารสีทองล้อมรอบด้วยสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ขนาดใหญ่ ซึ่งเมื่อมาชมตอนค่ำคืนความสวยงามของวิหารจะเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งการเข้าชมจะไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ เพียงแค่ต้องทำตามระเบียบของวิหารด้วยความเคารพ เพราะที่นี่คือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่เปิดให้นักแสวงบุญเข้ามาแสวงบุญตามความเชื่อของชาวซิกซ์

โดยวัดทั้ง 5 แห่งที่ได้กล่าวถึงไป เห็นได้ชัดว่า แต่ละแห่งมีความสวยงามแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยทางวัฒนธรรม ศิลปะของยุคสมัยต่าง ๆ แต่สิ่งที่เหมือนกันคือ ทุกแห่งเป็นศูนย์กลางยึดเหนี่ยวจิตใจ