เดือน: ธันวาคม 2023

แม้ว่าปีนี้บ้านเราจะไม่หนาวสะใจอย่างที่หลายคนคาดหวังไว้ แต่ก็พอมีลมเย็นให้ได้หยิบเสื้อคลุมตัวโปรดมาสวมใส่กันบ้าง และขณะที่เรากำลังเฝ้ารอความหนาวเย็นสุดขั้วอยู่นี้ ก็มีอีกหลายประเทศที่เริ่มคิดถึงความอบอุ่นของไอแดดกันแล้ว โดยเฉพาะกลุ่ม ประเทศที่หนาวที่สุดในโลก บางที่มีหิมะตกหนัก บางที่ช่วงเวลากลางวันสั้นลงอย่างมาก และบางที่ก็เป็นประเทศที่หนาวทั้งปี มาดูดีกว่าว่าประเทศที่หนาวที่สุด 2024 คือประเทศอะไร เผื่อใครอยากไปจะได้เตรียมตัวกัน

สัมผัสความหนาวเย็นสุดขั้วกับ ประเทศที่หนาวที่สุดในโลก

ครั้งนี้เราจะพาทุกคนไปหนาวสั่นกับประเทศที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า 10 องศาไปจนถึงติดลบ กับ 10 ประเทศที่หนาวที่สุดในโลก อุณหภูมิประเทศไหนหนาวสุด ประเทศอะไรบ้างที่มีหิมะตก และพื้นที่ไหนบ้างที่เป็นประเทศที่หนาวทั้งปี รายชื่อเหล่านี้จะเหนือความคาดหมายหรือไม่ ไปดูกันเลย

1 รัสเซีย

หากถามว่าที่ใดหนาวเย็นที่สุดในโลก นาทีนี้คงต้องยกให้เมืองยาคุตสก์แห่งไซบีเรีย พื้นที่ทางฝั่งตะวันออกของรัสเซียซึ่งได้รับความสนใจอย่างมากในสื่อโซเชียล ประเทศที่หนาวที่สุดในโลกที่มาพร้อมกับอุณหภูมิ -50 องศาเซลเซียส แค่ฟังก็ยังหนาวจับใจ ความเย็นขนาดนี้ทำให้ผู้คนในพื้นที่ต้องปรับตัวกันอย่างมาก ถึงขนาดต้องแต่งตัวให้พืชผักเพื่อให้ผักเติบโตได้เลยทีเดียว

2 แคนาดา

เพราะแคนาดาเป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่ แต่ละพื้นที่จึงมีความแตกต่างของภูมิประเทศและสภาพอากาศค่อนข้างมาก โดยเฉพาะทางตอนเหนือที่มีหิมะปกคลุมยาวนานหลายเดือน จุดนี้จึงเป็นพื้นที่ของประเทศที่หนาวทั้งปี อุณหภูมิติดลบมีให้เห็นเป็นเรื่องปกติ 

3 มองโกเลีย

เป็นอีกประเทศที่หนาวทั้งปี และติดอับดับ 10ประเทศที่หนาวที่สุดในโลก มาโดยตลอดเช่นกัน ประเทศเล็ก ๆ นี้ไม่มีด้านไหนเชื่อมต่อกับทะเล จึงมีสภาพอากาศหนาวเย็นและแห้งแล้ง บ่อยครั้งจะมีหิมะตกพร้อมลมพัดแรง ทำให้อุณหภูมิที่ต่ำอยู่แล้วต่ำลงไปอีก

4 นอร์เวย์

ด้วยตำแหน่งที่ตั้งซึ่งอยู่ใกล้กับขั้วโลก และลักษณะภูมิประเทศที่เป็นภูเขาน้ำแข็งเกินกว่าครึ่ง พร้อมมีแนวชายฝั่งยาวเหยียด นอร์เวย์เลยติดอันดับประเทศที่หนาวที่สุดในโลกอย่างไม่ต้องสงสัย แม้ว่าปัจจุบันภาวะโลกร้อนจะทำให้อะไร ๆ เปลี่ยนไปบ้าง แต่ถ้าถามว่าที่ใดหนาวเย็นที่สุดในโลก นอร์เวย์ก็ยังคงเป็นอีกคำตอบหนึ่งอยู่ดี

5 คีย์กีซสถาน

นี่คือประเทศที่หนาวที่สุดในโลกขนาดเล็ก ไม่มีด้านใดเชื่อมต่อกับทะเล และมีสภาพอากาศแปรปรวนรุนแรงตลอดทั้งปี ทั่วพื้นที่ขาวโพลนด้วยหิมะหนา เวลามีลมก็พัดแรงจนต้องหาที่หลบ บริเวณภูเขาจะหนาวเย็นเป็นพิเศษ ที่อยู่อาศัยรวมถึงวิถีชีวิตของคนในพื้นที่จึงแตกต่างและมีเสน่ห์น่าสนใจมาก

6 ฟินแลนด์

ใครเคยไปล่าแสงเหนือมาแล้วต้องรู้ดีว่าความหนาวเย็นของฟินแลนด์เป็นยังไง ที่นี่เป็นอีกประเทศหนึ่งที่หลายคนนึกถึงเมื่อถูกถามว่าที่ใดหนาวเย็นที่สุดในโลก เพราะไม่ใช่แค่อุณหภูมิที่ลดต่ำลงยาวนานหลายเดือนเท่านั้น แต่ยังมีพายุหิมะโหมกระหน่ำอยู่เป็นประจำ ผู้คนจึงมีช่วงเก็บตัวในบ้านกันเนิ่นนาน แม้แต่สัตว์ก็จำศีลนานกว่าปกติด้วย

7 ไอซ์แลนด์

ไอซ์แลนด์เป็นประเทศที่ไม่ได้หนาวไปจนถึงกระดูก แต่มีอุณหภูมิเฉลี่ยใกล้จุดเยือกแข็งตลอดทั้งปี ช่วงที่ร้อนสุด ๆ ก็แค่ประมาณ 10 องศาเซลเซียสเท่านั้น สำหรับคนรักความหนาวเย็นแล้ว ที่นี่นับเป็นสวรรค์เลยทีเดียว ไอซ์แลนด์เลยเป็นประเทศที่หนาวที่สุดในโลกที่หลายคนอยากย้ายไปลงหลักปักฐาน การมีบ้านสักหลังในเมืองนี้คงดีไม่น้อย

8 ทาจิกิสถาน

ไม่น่าเชื่อว่าประเทศที่ทั้งร้อนและแห้งแล้งจะติดอันดับ 10 ประเทศที่หนาวที่สุดในโลก กับเขาด้วย ประเทศนี้เต็มไปด้วยภูเขาสลับซับซ้อน ส่งผลให้สภาพอากาศแปรปรวนมาก เมื่อร้อนก็ร้อนจัด พอหนาวก็หนาวจับใจ ฤดูหนาวมาถึงเมื่อไรเป็นได้เห็นอุณหภูมิติดลบเสมอ ยิ่งเข้าไปในโซนเทือกเขาต่าง ๆ ของประเทศที่หนาวที่สุดในโลกอุณหภูมิก็ยิ่งต่ำลง

9 สวีเดน

อยากรู้ไหมว่าประเทศอะไรบ้างที่มีหิมะตก สวีเดนนี่ไงที่เราจะได้เห็นหิมะหนากันยาวนานหลายเดือน ประเทศที่หนาวที่สุดในโลกนี้มีอุณหภูมิเฉลี่ยตลอดทั้งปีอยู่ราว ๆ 2-3 องศาเซลเซียส และเมื่อหนาวจัดอุณหภูมิจะลดลงถึงติดลบเสมอ เคยต่ำสุด -53 องศาเซลเซียส แต่จะไม่ได้หนาวพร้อมกันทั่วทั้งประเทศ 

10 เอสโตเนีย

ถึงจะรั้งท้ายการจัดอันดับประเทศที่หนาวที่สุดในโลก แต่ช่วงฤดูหนาวก็ไม่เบาเหมือนกัน เพราะอุณหภูมิลดต่ำกว่าสิบเสมอ นับว่าสมกับตำแหน่ง 10 ประเทศที่หนาวที่สุดในโลกไม่น้อยหน้าประเทศอื่น ข้อดีของที่นี่คือมีทั้งช่วงที่หนาวเย็นและอบอุ่นสลับกันไปตามฤดูกาล ผู้คนจึงใช้ชีวิตอยู่กันอย่างสบาย ไม่ต้องเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านตลอดทั้งปี 

FIVE IS REAL เว็บไซต์คุณภาพที่จะรวบรวมเทรนด์ฮิตติดชาร์จทุกเรื่องราวที่กำลังเป็นกระแสมาให้คุณได้ติดตาม

one2fives  เป็นเว็บไซต์ศูนย์ รวมจัดอันดับ ที่รวบรวมข้อมูลทุกเรื่องมาไว้เพื่อคุณ

คำถามหนึ่งที่จะผุดขึ้นมาเสมอเวลาที่ได้เห็นการจัดอันดับคนดังระดับโลก คือพวกเขาเหล่านั้นใช้ความสามารถของตัวเองทำเงินได้มากน้อยแค่ไหน ยิ่งเมื่อเป็นอาชีพที่คนทั่วไปรู้จักกันดีอย่างนักแสดงหรือนักร้องก็ยิ่งดึงดูดความสนใจได้มาก นักร้องดังระดับโลก 2024 มีค่าตัวเท่าไร Taylor Swift รวยแค่ไหน เป็นบางส่วนที่หลายคนตั้งข้อสงสัย วันนี้เราเลยจะพาไปดูให้ชัด ๆ กันเลยว่า นักร้องที่ค่าตัวแพงที่สุดในโลก มีใครบ้าง และนักร้องอันดับ 1 ของโลก สร้างรายได้มากขนาดไหน

5 นักร้องที่ค่าตัวแพงที่สุดในโลก กับสุดยอดผลงานที่ผ่านมา

อย่างที่พวกเรารู้กันดีว่าวงการบันเทิงนั้นมีความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และทุกอย่างดูเหมือนจะพลิกไปมาอย่างรวดเร็ว จะเป็นคนบันเทิงในสาขาไหนก็ต้องพัฒนาตัวเองและสร้างสรรค์ผลงานดี ๆ ออกมาเสมอ วงการนักร้องก็ดุเดือดไม่แพ้กัน นักร้องดังระดับโลก 2024 จึงไม่ได้เป็นนักร้องชุดเดียวกับปี 2023 ทั้งหมด และดูเหมือนนักร้องอันดับ 1 ของโลกก็จะเปลี่ยนมือแล้วด้วย

1 Taylor Swift

หลังจากได้เห็นกระแสของนักร้องหญิงคนนี้ หลายคนก็อยากรู้ขึ้นมาทันทีว่า Taylor Swift รวยแค่ไหน และ ค่าตัว Taylor Swift 2024 อยู่ที่ประมาณเท่าไร เพราะผลงานของเธอโดดเด่นไม่เหมือนใคร ทั้งยังมีการจัดคอนเสิร์ตอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีถึงปลายปี รับเงินก้อนโตหลายหมื่นล้านตั้งแต่ยังไม่เริ่มทัวร์คอนเสิร์ต นี่ยังไม่รวมรายได้จากส่วนอื่นที่จะเกิดขึ้นอีก แนวโน้มที่เธอจะเป็นนักร้องที่ค่าตัวแพงที่สุดในโลกหลังสรุปผลตอนสิ้นปี 2024 จึงมีความเป็นไปได้สูงมาก

2 Rihanna

จะมีใครไม่รู้จักตัวแม่แห่งวงการเพลงคนนี้บ้าง เธอเคยขึ้นแท่นนักร้องอันดับ 1 ของโลก และนักร้องที่ค่าตัวแพงที่สุดในโลกมาแล้ว ทุกการแสดงสร้างความสั่นสะเทือนให้ผู้คนในวงกว้าง ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้เก่งแค่เรื่องร้องเพลง แต่ยังเป็นเจ้าของธุรกิจที่มากความสามารถ จากข้อมูลล่าสุดในปี 2023 เธอมีรายได้มากถึง 1.7 พันล้านเหรียญ ต้องรอดูว่าปี 2024 เธอจะมีอะไรมาเซอร์ไพร์สแฟนเพลงอีกหรือไม่

3 Paul McCartney

หากเราพิจารณานักร้องอันดับ 1 ของโลกเฉพาะด้านความสามารถ หนุ่มคนนี้ต้องติดอันดับต้น ๆ อย่างแน่นอน เพราะเขาเป็นทั้งนักร้อง นักดนตรี นักแต่งเพลง เรียกว่ารับจบครบในคนเดียวเลย ผลงานของ Paul เคยได้รับรางวัลอันทรงเกียรติมาแล้วหลายรายการ นั่นเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เขากลายเป็นนักร้องที่ค่าตัวแพงที่สุดในโลกด้วย โดยรายได้จากการประมาณล่าสุดอยู่ที่ 1.2 พันล้านเหรียญ 

4 P-Diddy

อีกวงการหนึ่งที่มองข้ามไม่ได้เลยก็คือวงการเพลงแร็พ นักร้องอันดับ 1 ของโลกหลายคนก็มีจุดเริ่มต้นจากแนวเพลงนี้เช่นเดียวกัน Diddy เป็นทั้งนักร้องและนักแต่งเพลง เคยสร้างผลงานที่ครองรางวัลแกรมมี่อวอร์ดหลายปีซ้อนมาแล้ว นอกจากนี้เขายังเป็นนักธุรกิจที่มีชั้นเชิงไม่เบา แน่นอนว่าเขาเป็นคนหนึ่งที่ได้เรทค่าตัวนักร้อง 2567 ที่สูงเป็นอันดับต้น ๆ ด้วย รายได้คร่าว ๆ ล่าสุดอยู่ที่ 1 พันล้านเหรียญ

5 Madonna

งานนี้จะขาดราชินีเพลงป๊อบไปได้ยังไง เธอคือศิลปินที่สร้างรายได้สูงสุดติดต่อกันยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ เราอาจยังไม่รู้ว่าเธอจะได้รับเรทค่าตัวนักร้อง 2567 สูงสุดหรือไม่ แต่ไม่ว่ายังไงเธอก็ติดอันดับนักร้องที่ค่าตัวแพงที่สุดในโลกแน่นอน เพราะเธอคือระดับตำนานที่นักร้องน้องใหม่ชื่นชม และมีฐานแฟนเหนียวแน่นมาก ถึงกระแสความนิยมในวงการเพลงจะเปลี่ยนไปก็ทำอะไรเธอคนนี้ไม่ได้เลย

นักร้องดังระดับโลกกับเส้นทางแห่งความพยายาม

กว่าจะได้ขึ้นแท่นเป็นนักร้องที่ค่าตัวแพงที่สุดในโลก แล้วไต่ระดับไปจนถึงนักร้องดังระดับโลก 2024 บอกกันชัด ๆ ตรงนี้เลยว่าไม่ง่าย โดยเฉพาะยุคสมัยที่ผู้คนเปลี่ยนใจรวดเร็ว ต้องการมากกว่าแค่เสียงร้องคุณภาพ หรืองานโปรดักชันสุดอลังการ นักร้องจึงต้องมีความโดดเด่นที่ทัชใจผู้ฟังได้ ใครได้เป็นตำนานในยุคนี้จึงนับว่าไม่ธรรมดาเลย

FIVE IS REAL เว็บไซต์คุณภาพที่จะรวบรวมเทรนด์ฮิตติดชาร์จทุกเรื่องราวที่กำลังเป็นกระแสมาให้คุณได้ติดตาม

one2fives  เป็นเว็บไซต์ศูนย์ รวมจัดอันดับ ที่รวบรวมข้อมูลทุกเรื่องมาไว้เพื่อคุณ

ด้วยเทคโนโลยีในการก่อสร้างยุคปัจจุบันนี้ ได้ถูกพัฒนาไปอย่างรวดเร็วมาก ประกอบกับศิลปะในการออกแบบที่หลากหลาย ทำให้เกิดตึกสูงๆมากมายในปัจจุบัน ซึ่งแต่ละตึกนั้นก็มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นเป็นของตัวเอง แต่ทุกท่านรู้หรือไม่ว่า ตึกที่สูงที่สุดในโลก 2024  ปัจจุบันนี้มีอะไรบ้าง เราขอยกมาให้กับทุกท่านได้รับทราบกันเป็น 5 อันดับดังต่อไปนี้ 

อันดับ 5 PANG AN FINANCE CENTRE

Ping An Finance Center เป็นตึกระฟ้าที่อยู่ในประเทศจีน และเป็นตึกที่สูงที่สุดในอันดับ 5  ด้วยความสูง 599 เมตร มีจำนวน 115 ชั้น ในเมืองเซินเจิ้น มณฑลกวางตุ้งประเทศจีน โดยถูกว่าจ้างจากบริษัท Pink An และถูกออกแบบโดยนักออกแบบสัญชาติอเมริกัน ก่อสร้างเสร็จสิ้นในปีพ.ศ. 2560 และนี่คือตึกที่สูงที่สุดในเมืองเซินเจิ้น และยังเป็นตึกที่สูงอันดับที่ 2 ของประเทศจีนอีกด้วย มาด้วยกับสถิติที่เป็นหอสังเกตการณ์ที่สูงที่สุดในอาคารระดับ 562 เมตร ตึกที่สูงที่สุดแห่งนี้มีมูลค่าในการก่อสร้างประมาณ 1.54 ล้านเหรียญสหรัฐ 

อันดับ 4 ABRAJ AL BAIT

ด้วยความสูง 601 เมตร  เมตรทำกลายเป็นสิ่งที่สูงที่สุดในโลกในอันดับ 4 เป็นตึกสูงที่ตั้งอยู่ในนครเมกะ ประเทศซาอุดิอาระเบีย ตึกนี้เป็นส่วนหนึ่งของ Complex หรูของกษัตริย์ อับดุล อะซีส เพื่อใช้ในการจัดเลี้ยงของผู้ที่แสวงบุญให้มีความทันสมัยมากขึ้น ด้านบนประกอบไปด้วยนาฬิกาชิ้นใหญ่ที่สุดในโลก เป็นทั้งโรงแรม ห้างสรรพสินค้า และหอดูดาวส่วนด้านบน 4 ชั้นสูงสุดประกอบไปด้วยหอนาฬิกาและพิพิธภัณฑ์ สำหรับมูลค่าในการก่อสร้างนั้นอยู่ที่ 15 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยถูกสร้างขึ้นจากบริษัทก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดในซาอุดิอาระเบียที่ชื่อว่า Saudi Bin Laden Group 

อันดับ 3 SHANGHAI TOWER

ตึกที่สูงที่สุดเป็นอันดับ 3  อยู่ในมหานครเซี่ยงไฮ้ของประเทศจีน ซึ่งเป็นตึกระฟ้าที่มีชื่อว่า Shanghai Tower ซึ่งตึกนี้มีความสูงอยู่ที่ 632 เมตร มีจำนวนชั้นอยู่ที่ 128 ชั้น มีจำนวนลิฟท์อยู่ที่ 97 ตัว ระยะเวลาในการก่อสร้างเริ่มขึ้นในปี พ.ศ 2551 และเสร็จสิ้นในปีพ.ศ 2557 ถูกก่อสร้างขึ้นมาด้วยบริษัทเจนส์เลอร์ ซึ่งสถานที่ก่อสร้างนี้จะมีตึกประกอบด้วยกัน 3 ตึก นั่นก็คือ ตึกศูนย์การเงินโลกเซี่ยงไฮ้ และตึกจินเม่าทาวเวอร์ แต่เซี่ยงไฮ้เทาเวอร์ นั้นเป็นตึกที่สูงที่สุดในบรรดาตึก 3 หลังที่อยู่ด้วยกัน และมีมูลค่าการก่อสร้างอยู่ที่ประมาณ 2.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ 

อันดับ 2 MERDEKA-118

เป็นตึกสูง 118 ชั้น และเป็นตึกที่สูงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นั่นก็คือ Merdeka -118 มาด้วยกับความสูง 678.9 เมตร ตั้งอยู่ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย และในปีนี้ได้กลายมาเป็นอันดับ 2 ของตึกที่สูงที่สุดในโลก 2024 แซงตึกเซี่ยงไฮ้ทาวเวอร์ที่มีความสูง 632 เมตร ด้านบนจะมีปลายแหลมที่สูงมาก ซึ่งสูงถึง 160 เมตร เป็นลักษณะความหมายถึงการประกาศอิสรภาพ เหมือนกับการชี้นิ้วขึ้นไปบนท้องฟ้า ในประเทศมาเลเซียนี้ก็มีตึกที่สูงมากมาย แต่ก็ไม่มีตึกใดที่จะโดดเด่นไปเท่ากับตึกสูงแห่งนี้อีกแล้ว รวมถึงเป็นตึกที่มีความสวยงามและได้รับรางวัลมากมายมานับไม่ถ้วน ถือว่าเป็นอันดับ 2 ของสิ่งที่สูงที่สุดในโลก อีกอย่างหนึ่งที่เป็นความภูมิใจ ของชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างเราด้วย 

อันดับ 1 BURJ KHALIFA

Burj Khalifa นี่คือตึกที่สูงในเอเชีย และเป็นตึกที่สูงที่สุดในโลก และยังเป็นการก่อสร้างสิ่งที่สูงที่สุดในโลก ด้วยฝีมือมนุษย์ในปี 2024 ตึกสูงเสียดฟ้าแห่งนี้ตั้งอยู่ที่นครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ด้วยความสูงเหนือเมฆที่ 828 เมตร ทำให้เป็นสิ่งที่ยากสำหรับการที่ใครจะมาล้มสถิตินี้ อาคารเริ่มก่อสร้างในปีพ.ศ. 2547 แล้วเสร็จเปิดให้บริการในปีพ.ศ. 2553 ในวันที่ 4 มกราคม ตึกนี้มีจำนวนชั้นอยู่ที่ 163 ชั้น สำหรับใครที่นึกความสุขของตึกนี้ไม่ออก ก็ให้ไปเปรียบเทียบกับหอไอเฟล ซึ่งมีความสูงมากกว่าถึง 3 เท่า ใช้มูลค่าในการก่อสร้าง 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ที่สำคัญภายในตึกมีครบทุกสิ่งอย่างที่ทุกคนต้องการ เป็นตึกที่มีการอำนวยความสะดวกครบทุกด้าน และยังเป็นตึกที่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย ส่วนในเรื่องความสวยงาม ก็ต้องบอกว่าไม่เป็นสองรองใคร ที่สำคัญยังมีลิฟท์ที่สูงที่สุด และเป็นจุดชมวิวที่สูงที่สุดในโลกอีกด้วย 

ด้วยเทคโนโลยี ความต้องการ และความท้าทายของมนุษย์ที่ไม่มีวันสิ้นสุด รวมไปถึงการแข่งขันของแต่ละประเทศ ที่ทำตึกสูง ๆ ออกมาเพื่อเป็นสถิติกันอย่างต่อเนื่อง ทำให้เราอาจจะได้เห็นตึกที่สูงที่สุดในอนาคตอีกมากมายก็ได้ใครจะรู้ ชื่อว่าใครได้มีโอกาสไปประเทศที่มีตึกสูงเหล่านี้ ต้องห้ามลืมไปเยี่ยมชมและถ่ายภาพสวย ๆ กลับมาฝากกันด้วย

FIVE IS REAL เว็บไซต์คุณภาพที่จะรวบรวมเทรนด์ฮิตติดชาร์จทุกเรื่องราวที่กำลังเป็นกระแสมาให้คุณได้ติดตาม

one2fives  เป็นเว็บไซต์ศูนย์ รวมจัดอันดับ ที่รวบรวมข้อมูลทุกเรื่องมาไว้เพื่อคุณ

นับตั้งแต่ที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด – 19 หลายคนก็เริ่มตระหนักถึงความสำคัญของสุขภาพร่างกายมากขึ้นกว่าเดิม แต่ โรคที่ร้ายแรงที่สุดในไทย สามารถคร่าชีวิตของผู้คนไปเป็นจำนวนมากกลับไม่ใช่พวกที่สามารถติดต่อได้ ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นกลุ่มไม่ติดต่อเรื้อรังมากกว่า อย่างเช่นความดันสูง หรือปัญหาอย่างกรดไหลย้อน จะมีโรคไหนที่อันตรายและคร่าชีวิตคนไทยได้มากที่สุด ไปดูกันเลย 

รวม 5 โรคที่ร้ายแรงที่สุดในไทย มีสถิติคนไทยเสียชีวิตสูงสุด

โรคที่ร้ายแรงที่สุดในไทยที่สามารถทำให้คนไทยเสียชีวิตได้มากที่สุด 5 อันดับ ไม่มีแม้แต่อันดับเดียวที่เป็นโรคติดต่อ ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นกลุ่มไม่ติดต่อเรื้อรังทั้งนั้น เพราะถึงมันจะไม่สามารถติดต่อกันได้ แต่มันก็มีความร้ายแรงจนทำให้ประชากรเสียชีวิตเป็นจำนวนมากเช่นกัน ข้อมูลต่อจากนี้อ้างอิงจากสำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ว่าด้วยเรื่องอัตราการเสียชีวิตของประชากร 100,000 คน ดังนี้ 

มะเร็งและเนื้องอก

โรคร้ายแรงสุดฮิตในประเทศไทยที่ทำให้คนไทยเสียชีวิตเป็นจำนวนมากที่สุด ไม่ใช่แค่มะเร็งอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงเนื้องอกทุกชนิดอีกด้วย มันเป็นภัยเงียบที่แฝงเข้ามาอยู่ภายในร่างกายของเราโดยไม่ก่อให้เกิดความผิดปกติใดๆ การจะตรวจหาก็ทำได้ยาก แต่กลับเป็นง่ายเสียอย่างนั้น ยิ่งใครมีปัญหาสุขภาพอยู่แล้วอย่างกรดไหลย้อนหรือความดันสูง อาการก็จะยิ่งทรุดหนักขึ้นกว่าเดิมในระยะท้ายๆ 

หลอดเลือดในสมอง

โรคร้ายแรงอันดับ 2 ที่สามารถคร่าชีวิตคนไทยได้มากที่สุดไม่แพ้กับมะเร็ง แถมยังมีหลายกลุ่มอาการอีกต่างหาก เป็นได้ทั้งหลอดเลือดแตก หลอดเลือดตีบ และหลอดเลือดตัน เมื่อหลอดเลือดมีปัญหาก็จะทำให้สมองขาดเลือด สมองก็จะไม่ได้รับออกซิเจนจนอวัยวะของเราอ่อนแรง เห็นภาพซ้อน ชาตามร่างกาย หากไม่ไปพบแพทย์ทันเวลาก็อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้เลยทีเดียว และมันยังเป็นโรคที่มีความเกี่ยวข้องกับสภาพแวดล้อมและวิถีชีวิตในสังคมไทยอีกด้วย ใครที่เป็นสายดื่มต้องระวังให้ดี 

ปอดบวม

เป็นอีกหนึ่งกลุ่มอาการที่ดูเหมือนจะไม่ร้ายแรงสักเท่าไหร่ แต่มันกลับเป็นสาเหตุอันดับที่ 3 ที่ทำให้คนไทยเสียชีวิตมากที่สุดเสียอย่างนั้น อาจเป็นเพราะช่วงหลังมานี้ฝุ่น PM 2.5 เป็นปัญหาที่เรื้อรังและรุนแรง ยังไม่รวมไปถึงพฤติกรรมการสูบบุหรี่หรือการได้รับควันมือสองอีกต่างหาก มลภาวะทางอากาศจะทำให้ถุงลมในปอดติดเชื้อและอักเสบ ภายในมีของเหลวอัดแน่นอยู่เต็มไปหมด ขั้นตอนการแลกเปลี่ยนก๊าซทำได้อย่างไม่เต็มประสิทธิภาพ ส่งผลเสียระยะยาวต่ออวัยวะส่วนอื่น และหลักสูตรอาจทำให้ระบบหายใจถึงขั้นล้มเหลวและเสียชีวิตได้เลยทีเดียว 

เบาหวาน

โรคร้ายแรงยอดฮิตที่กลายมาเป็นสาเหตุการตายอันดับที่ 4 ของชาวไทย เรียกได้ว่าเป็นปัญหาสุขภาพระดับวิกฤตกันเลยทีเดียว สาเหตุหลักของเบาหวานก็คือพฤติกรรมการรับประทานอาหารที่เน้นรสชาติหวานจัดหรืออาหารไขมันสูง ผู้ที่มีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐานจะมีความเสี่ยงมากที่สุด เมื่อเข้าสู่ภาวะวิกฤตก็จะยิ่งก่อภาวะแทรกซ้อนตามมามากมาย ทั้งหัวใจ หลอดเลือดสมอง หรือไต 

ความดันโลหิตสูง 

ความดันสูงอาจเป็นโรคที่ร้ายแรงที่สุดในไทยที่หลายคนมองว่าไม่ร้ายแรงอะไร เพราะผู้ใหญ่ส่วนใหญ่มักจะป่วยด้วยภาวะดังกล่าว แต่ก็ยังคงสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ บางครั้งก็จะมีอาการกรดไหลย้อนตามมากวนใจบ้าง แต่ความจริงแล้วความดันสูงกลับกลายเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้คนเสียชีวิตมากกว่ากรดไหลย้อนหลายเท่าตัวเลยทีเดียว เพราะมันก่อให้เกิดปัญหาแทรกซ้อนขึ้นมามากมายอย่างเช่นหลอดเลือดแดงส่วนปลายอุดตัน หลอดเลือดหัวใจตีบ หรือความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับดวงตา 

โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ภัยเงียบที่ทำให้ผู้คนเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก 

โรคไม่ติดต่อเรื้อรังกลายมาเป็นมัจจุราชเงียบที่คร่าชีวิตคนได้มากที่สุดเสียอย่างนั้น นั่นก็เป็นเพราะว่าโรคที่ร้ายแรงที่สุดในไทยเหล่านี้มักเกิดจากพฤติกรรมของตัวเราเอง เป็นพฤติกรรมที่เราทำเป็นประจำทุกวันจนกลายเป็นวิถีชีวิต อย่างเช่นการรับประทานของหวาน อาหารไขมันสูง การสูบบุหรี่ ดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ พักผ่อนไม่เพียงพอ ไม่ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม 

ที่สำคัญคือภาวะเหล่านี้มักไม่ค่อยแสดงอาการในช่วงแรก กว่าจะพบความผิดปกติแล้วไปพบแพทย์มันก็ลามไประยะเกือบสุดท้ายแล้ว จะตรวจหาตอนที่ร่างกายยังปกติก็ทำได้ยาก แถมค่าใช้จ่ายยังค่อนข้างสูงอีกด้วย มันจึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมคนไทยจึงมักจะเสียชีวิตด้วยโรคร้ายแรงเหล่านี้นั่นเอง 

FIVE IS REAL เว็บไซต์คุณภาพที่จะรวบรวมเทรนด์ฮิตติดชาร์จทุกเรื่องราวที่กำลังเป็นกระแสมาให้คุณได้ติดตาม

one2fives  เป็นเว็บไซต์ศูนย์ รวมจัดอันดับ ที่รวบรวมข้อมูลทุกเรื่องมาไว้เพื่อคุณ

คณะที่จบมามีงานทำมากที่สุด ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับเด็กยุคใหม่ที่ต้องการจบมาแล้วมีงานทำเลย ไม่ต้องรอเวลาหางานให้ยุ่งยากเสียเวลา ส่วนใหญ่แล้ว มักไม่ได้มีความชื่นชอบวิชาไหนเป็นพิเศษ การเลือกเรียน คณะ ที่สังคมต้องการมากที่สุดก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งทางออกที่จะช่วยให้คุณกำหนดอนาคตข้างหน้าได้ง่ายมากยิ่งขึ้น มีความเสี่ยงในการตกงานต่ำ แถมการเลือกคณะยอดฮิตที่สังคมต้องการยังได้เงินเดือนสูงอีกด้วย วันนี้เราจึงรวบรวม คณะยอดฮิต ที่จะมาช่วยตอบโจทย์คนยุคใหม่ได้มากที่สุด  จะมี คณะ ไหนน่าสนใจบ้างไปติดตามกันเลย 

พาส่อง คณะที่จบมามีงานทำมากที่สุด อนาคตสวยงาม ไม่ตกเครียดเรื่องตกงานเลย

1. คณะมนุษย์ศาสตร์ ถือเป็นอีกหนึ่ง คณะยอดฮิต ที่เหล่านิสิตนักศึกษาชื่นชอบกันมาก คณะมนุษย์ศาสตร์ เป็นการเรียนรู้เกี่ยวข้องกับชีวิตมนุษย์และภาษา ไม่ว่าจะเป็น ด้านประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ครอบครัว การเมือง ภาษาต่างๆ นอกจากนี้ คณะมนุษย์ศาสตร์ ยังเป็นคณะที่รวมไอเดียและมีความคิดสร้างสรรค์ สามารถต่อยอดออกมาเป็น Content ต่างๆให้มีความน่าสนใจ ซึ่งตอบโจทย์สำหรับยุคปัจจุบันได้ดีเลยทีเดียว เป็นคณะที่มีอาชีพรองรับมากมายไม่ว่าจะเป็นครูอาจารย์ นักแปล นักเขียน ทำงานในสายการบิน ด้านเลขานุการ รวมไปถึง Content creator งานอิสระได้เงินดี และเป็นที่ต้องการมากในปัจจุบัน
2. คณะ บริหารธุรกิจ เป็นคณะยอดนิยมที่คนส่วนใหญ่อยากเข้ามากที่สุด เพราะในปัจจุบันนั้นเราจะต้องพบเจอกับธุรกิจมากมายหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการเงิน การธนาคาร การจัดการบัญชี รวมไปถึงธุรกิจระหว่างประเทศ คณะ บริหารธุรกิจ จึงสามารถนำไปต่อยอดความรู้ได้หลากหลาย และที่สำคัญ คณะ บริหารธุรกิจ เป็นสายงานที่จบมาแล้วมีงานรองรับแน่นอน สำหรับใครที่กลัวตกงานและชื่นชอบในเรื่องของการเงินการบัญชีแนะนำบริหารธุรกิจเลย จบมามีงานทำแน่นอน
3. คณะนิติศาสตร์ เป็นศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายและกระบวนการทางยุติธรรม ซึ่งสามารถนำมาปรับประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ด้วย ดังนั้น คณะนิติศาสตร์ จึงได้รับความนิยมสูงเช่นกัน สามารถแบ่งออกเป็นได้หลายแขนง ไม่ว่าจะเป็น นิติศาสตร์โดยแท้ (legal science proper), นิติศาสตร์ทางข้อเท็จจริง (legal science of facts) รวมไปถึงนิติศาสตร์เชิงคุณค่า ก็มีให้คุณเลือกอย่างหลากหลาย เป็นคณ คณะยอดฮิต จบมาแล้วมีงานทำแน่นอน
4. คณะวิทยาศาสตร์ เป็นการเรียนรู้ควบคู่กับการทดลองไปด้วยโดยคณะวิทยาศาสตร์นั้นมีหลายสาขาให้คุณได้เลือกเรียนไม่ว่าจะเป็นคณิตศาสตร์ จุลชีววิทยา เคมี พฤกษศาสตร์ ธรณีวิทยา ชีวะเคมี เทคโนโลยีทางการอาหารและอื่นๆอีกมากมายซึ่งเกี่ยวข้องกับสิ่งรอบตัวมนุษย์ เป็น คณะยอดฮิต ที่จบมาแล้วมีงานรองรับแน่นอนแถมยังเงินเดือนสูงอีกด้วย
5. คณะศิลปกรรมศาสตร์ เป็นศาสตร์แห่งการเรียนรู้ในเรื่องของการออกแบบที่เกี่ยวข้องกับศิลปะ การประยุกต์งานศิลป์ เหมาะสำหรับคนที่มีฝีมือในเรื่องของการออกแบบ มีจินตนาการล้ำเลิศและมีไอเดียกว้างไกลคณะนี้ถือว่าเหมาะสมกับคุณอย่างมาก มีงานรองรับหลากหลายไม่ว่าจะเป็นงานออกแบบ กราฟิกดีไซเนอร์ นักออกแบบเครื่องประดับ ช่างภาพและอื่นอีกมากมาย

จัดอันดับ มหาลัยชื่อดัง ติดโผอันดับโลก ที่มีแต่คนอยากเข้าเรียน

• นอกจาก คณะที่จบมามีงานทำมากที่สุด สายงานส่วนใหญ่มักจะพิจารณาไปถึงมหาวิทยาลัยที่จบการศึกษามาด้วย โดยในประเทศไทยมหาวิทยาลัยที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับ 1 คือมหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2432 จุดเด่นคือมุ่งเน้นการวิจัยและด้านชีวการแพทย์ เป็นมหาลัยที่โดดเด่นในเรื่องของงานวิจัยระดับนานาชาติ
• รองลงมาคือ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยก่อตั้งเมื่อปี 2442  จุดเด่นของมหาวิทยาลัยนี้คือเน้นงานวิจัยร่วมมือกับนานาชาติณองค์กรการวิจัยที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นมหาลัยที่ดีที่สุดในประเทศไทย คณะที่โดดเด่นของมหาวิทยาลัยนี้คือคณะอักษรศาสตร์ คณะมนุษย์ศาสตร์ นิติศาสตร์ นิเทศศาสตร์ เป็นต้น
• มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี หรือที่รู้จักกันดีในชื่อของบางมด ก่อตั้งเมื่อปีพ.ศ 2503 เป็นมหาวิทยาลัยที่โดดเด่นในด้านวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยีอย่างมาก สำหรับใครที่จบคณะวิศวกรรมศาสตร์จากมหาวิทยาลัยนี้รับรองว่ามีงานรองรับอย่างแน่นอน
• มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก่อตั้งเมื่อปี 2477 จุดเด่นคือมีหลักสูตรนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์เป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ คณะที่โดดเด่นของมหาวิทยาลัยนี้คือ  คณะ บริหารธุรกิจ คณะรัฐศาสตร์ คณะนิติศาสตร์เป็นต้น 

วางแผนอนาคตที่สดใส ด้วยการเลือกเรียนคณะที่ชอบ และตอบโจทย์คุณได้มากที่สุด

จะเห็นได้ว่า คณะที่จบมามีงานทำมากที่สุด ของประเทศไทยนั้นมีให้เลือกมากมาย แต่เหนือสิ่งอื่นใดที่จะช่วยให้คุณประสบความสำเร็จในชีวิตนั้น ไม่เพียงแต่การเลือกคณะที่จบมาแล้วมีงานรองรับทันที แต่เราขอแนะนำให้คุณเลือกเรียนคณะที่ชอบ ตรงตามความสามารถของตัวเอง จะทำให้คุณมีแรงผลักดัน และขยันหมั่นเพียร ศึกษาค้นคว้าจนประสบความสำเร็จได้ดีกว่าการเลือกเรียนคณะยอดฮิตตามกระแส พยายามค้นหาตัวตนของตัวเองให้เจอ จะช่วยให้คุณต่อยอดองค์ความรู้ และพัฒนาความสามารถได้อย่างยั่งยืนนั่นเอง

FIVE IS REAL เว็บไซต์คุณภาพที่จะรวบรวมเทรนด์ฮิตติดชาร์จทุกเรื่องราวที่กำลังเป็นกระแสมาให้คุณได้ติดตาม

one2fives  เป็นเว็บไซต์ศูนย์ รวมจัดอันดับ ที่รวบรวมข้อมูลทุกเรื่องมาไว้เพื่อคุณ

วิธีคิดของคนรวย หลายครั้งคนเรามักมีคำถามว่า คนที่รวยที่สุดในโลก นั้นเค้ามีแนวคิดอย่างไร คนรวยเริ่มจากอะไร ดำเนินชีวิตแตกต่างจากคนทั่วไปอย่างไร ทำไมเขาจึงประสบความสำเร็จทางด้านการเงินได้ขนาดนั้น ? ซึ่งการที่คนหนึ่งคน จะประสบความสำเร็จในชีวิต จนถึงขั้นคนที่รวยที่สุดในโลก นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างแน่นอน เขาต้องมีแนวคิด และทัศนคติที่แตกต่างจากคนทั่วไป ผสมผสานกับความขยันหมั่นเพียร ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค รวมถึงมีวิธีคิดต่อยอดธุรกิจให้เจริญก้าวไปข้างหน้าได้อย่างไม่หยุดยั้ง จนทำให้เขาประสบความสำเร็จ และกลายเป็น คนที่รวยที่สุดในโลกได้นั่นเอง ดังนั้นวันนี้เราจึงรวบรวม วิธีคิดของคนรวย มาฝากกัน คนรวยเริ่มจากอะไร ไปติดตามพร้อมๆกันเลย 

รวม 5 อันดับวิธีคิดของคนรวย ที่จะช่วยเปลี่ยนชีวิตคุณได้ในพริบตา

1. คนที่รวยที่สุดในโลก เขาจะมองเวลาเป็นทรัพย์สิน คนเรามีเวลาเท่ากันที่ 24 ชั่วโมง  วิธีคิดของคนรวย เขาจะบริหารเวลาในแบบฉบับของคนมีเงิน ทุกวินาทีมีค่า ส่วนใหญ่แล้ว คนที่ประสบความสำเร็จทางด้านการเงิน เขามักจะหาเงินได้ทุกเวลา ให้เงินทำงาน เช่น การเทรดหุ้น เป็นต้น นอกจากนี้  คนที่รวยที่สุดในไทย มักจะหาช่องทาง หรือโอกาสใหม่ๆ เพื่อหารายได้เสริมอยู่ตลอดเวลา  สิ่งเหล่านี้จึงช่วยยกระดับฐานะ นำพาคุณประสบความสำเร็จทางด้านการเงินได้ไม่ยากเลย 
2. คนไทยที่รวยที่สุดในปี 2024 มักจะมีแนวคิดมองเห็นโอกาสในทุกๆปัญหาที่เข้ามา กล่าวคือ ทุกทางมืด ทางตัน ย่อมมีทางออกเสมอ สำหรับใครทำกำลังประสบกับปัญหาการเงินอยู่นั้น อันดับแรกให้คิดบวกไว้ก่อน และมองหาโอกาสในปัญหานั้นๆเพื่อที่จะพลิกวิกฤตให้เกิดประโยชน์และเอาตัวรอดได้เสมอ ดังนั้นคุณจะต้องมีการเตรียมความพร้อมทางด้านการเงิน พัฒนาทักษะหาความรู้ต่อยอดทางการเงินให้ได้มากที่สุดไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการลงทุน การบริหารค่าใช้จ่าย หรือการสร้างแผนในอนาคต สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้คุณประสบความสำเร็จทางด้านการเงินได้แน่นอน
3. รู้จักคุณค่าของเงิน ซึ่งถือเป็นทัศนคติของ คนไทยที่รวยที่สุดในปี 2024 เลย ส่วนใหญ่แล้ว คนที่เขาประสบความสำเร็จ มักจะมีแนวคิดและวิธีการบริหารจัดการการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากมีเงินสักก้อน จะนำมาลงทุนต่อยอด ให้ได้ผลกำไรงอกเงยมากยิ่งขึ้น หรือส่วนใหญ่มักนำไปซื้อกองทุนรวม  ซื้อประกันสะสมทรัพย์ ซึ่งถือเป็นการลงทุนระยะยาวที่คุ้มค่าและมีประสิทธิภาพสูงสุด
4. คนรวยเริ่มจากอะไร เริ่มจากการหมั่นเพียรศึกษาหาความรู้อยู่ตลอดเวลา ถือเป็นอีกหนึ่งนิสัยและ วิธีคิดของคนรวย เลย เขาจะไม่หยุดอยู่กับที่ จะต้องพัฒนาทักษะความรู้ให้ก้าวไกล เพื่อพร้อมรับโอกาสใหม่ๆ และยกระดับฐานะของตัวเองให้ดียิ่งๆขึ้นไป  การหมั่นหาความรู้อยู่เสมอ ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้คุณประสบความสำเร็จทางด้านการเงินได้แบบยั่งยืนและมั่นคง
5. ใช้ชีวิตแบบธรรมดา ไม่ติดหรูอยู่แพง  Carlos Slim เขาเคยติดอันดับ คนที่รวยที่สุดในโลก ได้เผยว่า ไม่ได้สร้างบ้านใหม่ให้หรูหราไฮโซใดๆ เขาอยู่บ้านหลังเดิมมาตลอด 40 ปี เพราะว่าที่อยู่เดิมก็ดีอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องสร้างใหม่ให้เสียเงินไปแบบไม่จำเป็นนั่นเอง ถือเป็นอีกหนึ่งทัศนคติที่น่านำไปปรับใช้อย่างมาก

พาส่องมหาเศรษฐี คนไทยที่รวยที่สุดในปี 2024 มีใครบ้างมาดูกัน

• คนไทยที่รวยที่สุดในปี 2024 Forbes ยังคงจัดให้มหาเศรษฐีอันดับ 1 ของไทยคือคุณธนินท์ เจียรวนนท์ เจ้าของกิจการเครือเจริญโภคภัณฑ์หรือบริษัท CP ที่มีมูลค่าทรัพย์สินรวมถึง 14,900 ดอลลาร์ เป็นคนที่รวยที่สุดในไทย และรวยเป็นอันดับที่ 116 ของโลก
• รองลงมาคือคุณ เจริญ สิริวัฒนภักดี หรือเจ้าสัวเจริญ ที่ถูกจัดอันดับให้เป็น คนไทยที่รวยที่สุดในปี 2024 โดยมีมูลค่าทรัพย์สินรวมอยู่ที่ 14,800 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมีหุ้นกระจายอยู่ทั่วประเทศไทย เป็นเจ้าของกิจการแอลกอฮอล์ และอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ที่ทำกำไรได้อู้ฟู่ 
• และอันดับ 3 คนไทยที่รวยที่สุดในปี 2024 ยกตำแหน่งให้กับ สารัชถ์ รัตนาวะดี เป็น CEO กัลฟ์ ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ INTUCH  ที่มีมูลค่าทรัพย์สินรวมกว่า 12,300 ดอลลาร์สหรัฐ ด้วยการประกอบธุรกิจพลังงานไฟฟ้า ลายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย จนได้รับยกย่องว่าเป็น คนที่รวยที่สุดในไทย 

หากอยากประสบความสำเร็จทางการเงิน ตามรอย วิธีคิดของคนรวย ช่วยเปลี่ยนชีวิตคุณได้

หลายคนมีปัญหาเรื่องการเงินรุมเร้า หมุนเงินไม่ทัน แต่ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปถ้าหากคุณปรับเปลี่ยนทัศนคติ และตามรอยวิธีคิดของคนรวย จะถือเป็นอีกหนึ่งไอเดียที่จะช่วยให้คุณกำจัดปัญหาทางด้านการเงินต่างๆลงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยวิธีคิดดังกล่าวข้างต้นที่เรานำมาฝากนี้ถือเป็นกุญแจสำคัญที่จะพาคุณไปสู่ความมั่งคั่งอย่างยั่งยืน นอกจากนี้การขวนขวายศึกษาหาข้อมูลและช่องทางการสร้างรายได้เสริมใหม่ๆที่เหมาะสมกับตัวคุณก็จะช่วยสร้างความมั่นคงให้กับตัวเองและครอบครัวได้มากยิ่งขึ้น สำหรับใครที่มีปัญหาทางด้านการเงินสามารถนำไอเดียของ คนที่รวยที่สุดในไทย ไปปรับใช้ให้เหมาะสม แล้วคุณอาจจะเป็นเศรษฐีคนใหม่ได้ไม่ยาก 

FIVE IS REAL เว็บไซต์คุณภาพที่จะรวบรวมเทรนด์ฮิตติดชาร์จทุกเรื่องราวที่กำลังเป็นกระแสมาให้คุณได้ติดตาม

one2fives  เป็นเว็บไซต์ศูนย์ รวมจัดอันดับ ที่รวบรวมข้อมูลทุกเรื่องมาไว้เพื่อคุณ