หมวดหมู่: รวมบทความ

ถ้าพูดถึง 5 อันดับ ประเทศที่รวยที่สุดในโลก ในเวลานี้ หลายคนอาจจะนึกถึงประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลางทันที เพราะโซนดังกล่าวจะมีธุรกิจส่งออกน้ำมันเป็นหลัก ดังนั้น จึงน่าจะติดโผ 5 อันดับประเทศที่มีคุณภาพการดำรงชีวิตดีที่สุด โดยวัดจาก Gross Domestic Product หรือเรียกสั้น ๆ ว่า “GDP” ซึ่งถือว่าเป็นส่วนสำคัญในการตัดสินว่าประเทศไหนรวยที่สุด 

การใช้ GDP วัดคุณภาพชีวิตประชากร ถือเป็นวิธีเฟ้นหา ประเทศที่รวยที่สุดในโลก 

สำหรับวิธีการหารายชื่อ ประเทศที่รวยที่สุดในโลก ด้วยวิธีการวัด GDP ถือว่าเป็นวิธีที่ง่าย และดีที่สุด แต่สิ่งที่ทุกคนต้องรู้คือ แต่ละประเทศที่ถูกยกให้รวยที่สุดในโลก จะต้องมีค่า GDP หรือผลิตภัณฑ์รวมในประเทศดีที่สุด ทั้งในเรื่องของ ค่าแรง เงินเดือน กำไรจากจำหน่ายสินค้า หรือดอกเบี้ยต่าง ๆ และค่าเช่า ซึ่งทั้งหมดจะเป็นตัวชี้วัด ฐานะของแต่ละประเทศต่าง ๆ ทันที 

5 อันดับประเทศที่ขึ้นทำเนียบรวยที่สุดในโลกนี้มีประเทศไหนกันบ้าง 

ในปัจจุบัน ประเทศที่รวยที่สุดในโลก อาจจะไม่ใช่ประเทศที่หลายคนคิด เพราะในปัจจุบันประเทศที่มีฐานะดีที่สุดในโลก ซึ่งก็มีดังต่อไปนี้ 

1. กาตาร์

เมื่อวัดค่า GDP ของประเทศนี้พบว่า ได้ผลลัพธ์ 132,886 ดอลล่าร์ ต่อคน โดยที่นี่มีสินค้าส่งออกคล้ายคลึงกับประเทศ UAE นั่นก็คือ น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง โดยหลังจากได้รับเอกราชจากอังกฤษ ประเทศนี้ก็มีการพัฒนา เพื่อประชาชนอย่างเต็มที่ โดยนำเงินไปลงทุนในต่างประเทศทั่วโลก จนได้รับผลตอบแทนเป็นที่น่าพอใจอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งส่งผลดีต่อจำนวนประชากรที่มีอยู่เพียง 2.8 แสนคนโดยถ้วนหน้า

2. มาเก๊า

เกาะขนาดเล็กที่อาจจะเรียกเป็นประเทศเต็มปากไม่ได้ เนื่องจากในทางรัฐศาสตร์ที่นี่ยังไม่ถูกนับเป็นประเทศ แต่มีสถานะคล้ายประเทศ เพราะได้รับอนุญาตให้ปกครองตัวเองได้ ซึ่งประวัติแต่เดิมเคยผ่านการเป็นเมืองขึ้นของโปรตุเกสมาก่อน และในปัจจุบันได้ชื่อว่าเป็นเกาะสวรรค์ของนักเสี่ยงโชค เนื่องจากมีคาสิโนทั่วทั้งเกาะมากถึง 40 แห่ง นอกจากนั้นยังสามารถดึงดูดท่องเที่ยว และนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ค่า GDP ของที่นี่มีสูงถึง 114,363 ดอลล่าร์ ต่อคน และต่อปี จากจำนวนประชากรทั้งหมด 6 แสนคน 

3. ลักเซมเบิร์ก

ประเทศเล็ก ๆ ที่อยู่ตรงใจกลางทวีปยุโรปที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล ดังนั้น การหารายได้เข้าประเทศทางการท่าจึงไม่สามารถทำได้ แต่ประเทศแห่งนี้สามารถหารายได้จากการท่องเที่ยว ศูนย์กลางทางการเงิน และการธนาคารสำคัญระดับโลก ไม่เพียงแค่นั้นระบบโลจิสติกส์ และอุตสาหกรรมต่าง ๆ จนได้รับการยกย่องให้เป็นสวรรค์ของการลงทุนทางการเงิน คือ อัตราภาษีต่ำมาก และที่สำคัญมีนโยบายปกป้องความลับทางการเงินสูงอีก ซึ่งรายได้ที่เข้าประเทศทั้งหมดทำให้ค่า GDP อยู่ที่ 108,951 ดอลล่าร์ ต่อคน และต่อปี ดังนั้น ประชากรจำนวน 6 แสนคน จึงมีคุณภาพที่ดีรอบด้าน 

4. สิงคโปร์

ถ้าพูดถึงประเทศที่เป็นเกาะเล็ก ๆ ในอาเซียน และร่ำรวยคงต้องยกให้ที่นี่ ด้วยคุณภาพชีวิต และความมีระเบียบวินัยของคนในประเทศ ทำให้ที่นี่สามารถพัฒนาประเทศได้อย่างก้าวกระโดด ซึ่งปัจจุบันถือว่าเป็นแหล่งค้าขายสินค้าโดยอิสระเสรี แถมยังเป็นศูนย์กลางทางการเงินในอาเซียน โดยไม่มีการเก็บเงินปันผลจากการลงทุน ทำให้นักธุรกิจนิยมลงทุนในประเทศนี้เป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ค่า GDP ของคนในประเทศอยู่ที่ 103,181 ดอลล่าร์ ต่อคน ต่อปี 

5. ไอร์แลนด์

การบริหารงาน และดึงดูดให้นักลงทุนกล้าลงทุนที่นี่ด้วยข้อดีคือ เก็บภาษีภาคธุรกิจต่ำมาก แถมยังมีธุรกิจบริการด้านคอลเซนเตอร์ บัญชี การบริการหลังการขาย หรือเรียกสั้น ๆ ว่า Customer Service ส่วนรายได้อื่น ๆ มาจากการท่องเที่ยว ภาคการเกษตร รวมถึงเป็นนายหน้าซื้อ – ขายตลาดหลักทรัพย์ และส่งออกสินค้า อาทิเช่น โลหะ เบียร์ สินค้าคอมพิวเตอร์ เป็นต้น ทำให้ประเทศนี้ไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจในยุโรปมากนัก แต่ถ้าพูดถึงความเหลื่อมล้ำในระดับฐานะของประชากรทั้งหมดเกือบ 5 ล้านคน จัดว่าที่นี่มีผู้ที่มีฐานะดีเพียงแค่ 20 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ส่วนค่า GDP ของที่นี่คือ 83,399 ดอลล่าร์ ต่อคน

ทั้งนี้สำหรับค่า GDP ในบางประเทศถึงแม้จะมีค่าสูงมาก แต่เมื่อนำไปถัวเฉลี่ยกับจำนวนประชากรทั้งหมดของแต่ละประเทศที่รวยที่สุดในโลก อาจทำให้ประเทศนั้น ๆ ไม่ได้เป็นประเทศที่มีฐานะดีเท่าไหร่นัก ดังนั้น สำหรับค่า GDP ถือว่าเป็นส่วนสำคัญในการหารายได้ของประชากรแต่ละคนที่ต้องได้รับภายใน 1 ปี

สาว ๆ กับ น้ำหอม ถือว่าเป็นของคู่กัน เพราะกลิ่นน้ำหอมนั้นเปรียบเสมือนการเปิดเผยตัวตนและนิสัยที่แท้จริงของแต่ละคน ดังนั้น กลิ่นจึงเป็นการบ่งบอกถึงสไตล์ของแต่ละคนได้อย่างดี ส่วนแบรนด์ในปัจจุบันมีให้เลือกหลากหลายอย่างมาก แต่ละแบรนด์จะมีกลิ่นที่เพิ่มเสน่ห์ให้สาว ๆ ได้เป็นอย่างดี 

น้ำหอม เป็นอีกหนึ่งโหมดความงามที่สาว ๆ ขาดไม่ได้ 

เมื่อพูดถึง น้ำหอม รับรองได้ว่าในกระเป๋าของสาว ๆ หรือหนุ่ม ๆ จะต้องมีไอเทมลับเฉพาะติดตัวแน่นอน เพราะ PERFUME คือตัวช่วยเพิ่มความมั่นใจให้สาว ๆ ทุกคนอย่างดี โดยแต่ละกลิ่นจะเพิ่มเสน่ห์ ความเย้ายวน ความน่าสนใจ รวมถึงสามารถดึงดูดใจผู้คนรอบข้างได้ง่ายมากขึ้น

โดยจุดเด่นของแต่ละแบรนด์มีกลิ่นถูกใจสาว ๆ มานาน

ในเวลานี้เมื่อพูดถึง น้ำหอม เชื่อว่าหลายคนสามารถนึกถึง แบรนด์น้ำหอม ยอดฮิตได้มากกว่า 1 แบรนด์แน่นอน ซึ่งแต่ละแบรนด์ต่างมีจุดขายที่ไม่เหมือนกัน แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน คือ ความประทับใจของผู้ใช้ที่มีอย่างยาวนาน ส่วนแบรนด์ฮิตติดท็อป 5 มีดังนี้ 

1. CHANEL

แค่ได้ยินชื่อแบรนด์ดังระดับโลกจากประเทศฝรั่งเศส ซึ่งไม่ได้มีดีแค่กระเป๋า เสื้อผ้า รองเท้า หรือเครื่องแต่งกายอื่น ๆ แต่เขายังมีน้ำหอมที่สามารถเพิ่มความแพงให้กับสาว ๆ ได้ทันที ด้วยกลิ่นเฉพาะตัวไม่เหมือนใคร แต่สามารถเพิ่มเสน่ห์ และความมั่นใจได้อย่างง่ายดาย ซึ่งทำให้กลายเป็นไอเทมที่สาว ๆ มักจะต้องหาติดกระเป๋าไว้ตลอดเวลา ส่วนกลิ่นยอดฮิตที่เป็นซิกเนเจอร์คือ COCO MADAMEMOISELLE EAU DE PARFUM , CHANCE EAU TENDRE EAU DE PARFUM และ COCO NOIR EAU DE PARFUM เป็นต้น

2. DIOR

อีกหนึ่งแบรนด์หรูดูดีจากดินแดนฝรั่งเศส ที่หลายคนเลือกหยิบมาเพิ่มเสน่ห์ให้ตัวเอง ด้วยกลิ่นเป็นเอกลักษณ์ มีทั้งแนวอ่อนหวาน แนวเซ็กซี่ หรือสามารถเพิ่มความหรูดูแพง รวมถึงสามารถปรับเปลี่ยนลุคให้มีความเป็นผู้ใหญ่ได้ในเวลาอันรวดเร็ว โดยจุดเด่นของแบรนด์น้ำหอมเจ้านี้คือ มีเอกลักษณ์รูปทรงของขวดชัดเจน แต่ละกลิ่นจะบรรจุไว้ในขวดที่แตกต่างกัน เพิ่มความหรูหราเพิ่มขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว ซึ่งกลิ่นที่เป็นตัวท็อปของแบรนด์นี้มีหลายกลิ่นอาทิเช่น JADORE EAU DE PARFUM , MISS DIOR EAU DE PARFUM รวมถึง CHRISTIAN DIOR ADDICT EAU FRAICHE EAU DE PARFUM เป็นต้น

3. POLO

มาถึงแบรนด์น้ำหอมอีกเจ้าที่สาว ๆ พร้อมควักเงินจับจองเป็นของตัวเองทันที นั่นก็คือ โปโล ด้วยคุณสมบัติติดทนนาน และสามารถจัดการกับกลิ่นเหงื่อได้ดี ซึ่งส่วนใหญ่จะมีกลิ่นสำหรับคุณผู้ชาย แต่กลับกลายเป็นว่าเป็นแบรนด์ที่สาว ๆ แนวสปอร์ตชอบซื้อไว้ติดตัวมากกว่า เพราะนอกจากเพิ่มเสน่ห์ให้มากขึ้นแล้วยังเพิ่มความเท่อีกด้วย ส่วนกลิ่นยอดฮิตคือ RALPH LAUREN

4. CHLOE

ด้วยความทนทานของกลิ่นที่สามารถติดตัวได้นาน จนทำให้สาว ๆ มีเสน่ห์ตลอดทั้งวัน ส่งผลให้เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ได้รับความนิยมจากสาว ๆ เป็นจำนวนมากมาถึงทุกวันนี้ ซึ่งล่าสุดกลิ่น SINGNATURE EAU DE PARFUM คือกลิ่นสุดฮิตที่สาว ๆ ต้องซื้อติดไม้ติดมือ และจับจองเป็นเจ้าของ ด้วยกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกไม้ รวมถึงผลไม้จากธรรมชาติ อาทิเช่นกุหลาบ ลิ้นจี่ หรือพีช ซึ่งทั้งหมดจะให้ความรู้สึกเหมือนเจ้าหญิง ดังนั้น จึงไม่แปลกใจที่แบรนด์ โคลเอ้ ขึ้นแท่นเป็นน้ำหอมตัวโปรดของสาว ๆ ส่วนแพ็คเกจนั้นจะมาพร้อมกับหรูหราทนทาน พร้อมกับเอกลักษณ์ติดโบ

5. BURBERRY

ถ้าพูดถึงเรื่องความหอมคงตัดแบรนด์ดังจากอังกฤษอย่าง เบอร์เบอรี่ ออกจากสารบบไม่ได้แน่นอน ด้วยความกลิ่นหอมติดทนนาน แถมยังมีกลิ่นให้เลือกหลากหลาย ส่งผลให้เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ยอดฮิตของสาว ๆ ไปโดยปริยาย ซึ่งเอกลักษณ์ของแบรนด์ดังกล่าวคือ มีความละมุน หอมแพง ซึ่งเหมาะกับสาวทุกคน โดยเทคนิคของการใช้น้ำหอมจากแบรนด์นี้คือ ควรใช้ในเวลากลางวัน ซึ่งกลิ่นยอดฮิตคือ HER LONDON DREAM ที่มาพร้อมกับขวดน่ารักไม่เหมือนใคร

โดยแบรนด์น้ำหอมทั้ง 5 แบรนด์ที่กล่าวถึงนั้น จัดว่าเป็นแบรนด์ชั้นนำระดับโลกที่ได้รับความนิยมจากผู้ใช้มาอย่างยาวนาน ด้วยคุณภาพ และการพัฒนากลิ่นน้ำหอมอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีกลิ่นต่าง ๆ ให้เลือกมากมาย ที่สำคัญ แต่ละกลิ่นยังเพิ่มความน่าสนใจ และปรับเปลี่ยนลุคของทุกคนได้เป็นอย่างดี

คำว่า อนิเมะ คือการพัฒนาการ์ตูนขึ้นมาอีกขั้น ให้อยู่ในรูปแบบของภาพเคลื่อนไหว ทำให้การเข้าถึงของผู้ชมง่ายมากขึ้น รวมถึงสามารถดูได้ทุกที่ทุกเวลา และเหมาะสมกับคนที่ไม่ค่อยถูกโรคกับตัวอักษรเท่าไหร่นัก โดยในปัจจุบันการ์ตูนรูปแบบนี้กำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก เนื่องจากเข้าถึงทุกกลุ่มได้ง่ายกว่าหนังสือเป็นเล่ม อีกทั้งในปัจจุบันถูกดึงเข้าแพลตฟอร์มดูหนังหลายแห่งอีกด้วย

อนิเมะมาแรง และหลายคนแนะนำว่าต้องดู

สำหรับ อนิเมะ มีหลายเรื่องที่กำลังมาแรง และหลายเรื่องสามารถหาดูได้ตามแพลตฟอร์มความบันเทิงทั้งดูหนัง ฟังเพลง และซีรีย์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Netflix, Youtube, Bulibili, IQIYและ VIU แถม Cartoons Movie หลายเรื่องยังได้รับคะแนนโหวตว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก และสนุกครบรสถูกใจคอ Animes สุด ๆ

Movies การ์ตูน ที่เหล่าสาวกยืนยันว่าห้ามพลาด

ถ้าพูดถึงอนิเมะสุดฮิต ที่เหล่าสาวกยืนยันว่าห้ามพลาดเด็ดขาดมีหลายเรื่องด้วยกัน แต่ทั้ง 5 เรื่องที่คัดมา เป็นเรื่องที่สามารถดูได้มากกว่า 1 แพลตฟอร์ม ดังนั้นใครสนใจเรื่องไหน และเป็นสาวกแพลตฟอร์มไหนสามารถเลือกดูได้ตามถนัดได้เลย

5 อนิเมะที่ต้องดูถ้าไม่ดูถือว่าพลาดมาก

1. เกิดชาตินี้พี่ต้องเทพ

อนิเมะเรื่องนี้พูดถึงชายอายุ 34 ปี ที่ลืมตาขึ้นมา ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้เพิ่งโดนรถชนตาย พบว่าตัวเองกลายเป็นเด็กคนหนึ่งชื่อว่า “รูเดียส” แถมการเกิดในโลกใหม่ของเขาคือโลกเวทมนตร์ และนักดาบ ทำให้เขาตั้งใจฝึกฝนตัวเองอย่างหนัก หวังจะเป็นที่หนึ่งของโลกใหม่ให้ได้ ซึ่งเรื่องนี้มีความสนุกมากมายหลายอย่าง โดยเฉพาะการถ่ายทอดความคิดคนอายุ 30 กว่าผ่านร่างของเด็กผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่กำลังมาแรงทั้งใน Youtube, IQIYI และ BILIBILI

2. คุณหมอประหลาด รามุเนะ

นอกจากเนื้อเรื่องจะสนุกแล้วภาพสวยมากจริง ๆ โดยเป็นการนำเสนอโรคประหลาด ซึ่งเกิดจากความเครียดของมนุษย์ แต่ความยากคือไม่สามารถรักษาโดยแพทย์ทั่วไปในปัจจุบัน ซึ่งทำให้ รามุเนะ และ คุโระ ซึ่งเป็นลูกศิษย์ ต้องพยายามค้นหาต้นเหตุของโรคประหลาดดังกล่าวทันที โดยมีเป้าหมายคือผู้ป่วยต้องหายจากโรคเหล่านี้โดยเร็วที่สุด ซึ่งอนิเมะเรื่องนี้ถือว่าครบรสมากทีเดียว อีกทั้งยังให้แง่คิดในการใช้ชีวิตในทุก ๆ วันได้ดีอีกด้วย ซึ่งสามารถติดตามความสนุกของเรื่องนี้ได้ผ่าน Youtube และ BILIBILI

3. รีเซ็ตชีวิต ฝ่าวิกฤติต่างโลก

อนิเมะที่มีการพูดถึงเรื่องของ นัตซึกิ สึบารุ เด็กหนุ่มที่มาโผล่ในโลกแฟนตาซีโดยไม่ได้คาดคิด จากนั้นเขาได้พบกับผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งผมของเธอมีสีขาว ที่มีชื่อว่า เอมิเลีย ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นทำให้เขาได้เจอกับความตาย และเขาพบว่าตัวเองสามารถย้อนเวลากลับไปในช่วงเวลาหนึ่งได้ ส่งผลให้เขาเริ่มคิดย้อนเวลากลับไป เพื่อเปลี่ยนชะตาของเขาและ เอมิเลีย ซึ่งเรื่องนี้แม้ว่าจะเป็นการ์ตูนแต่ออกจะเครียดไม่น้อยเหมือนกัน โดยสามารถตามไปให้กำลังใจทั้งคู่ได้ที่ Netflix และ IQIYI

4. โฮริมิยะ สาวมั่นกับนายมืดมน

เนื้อเรื่องเป็นการเล่าเรื่องของ โฮริ เด็กมัธยมปลายคนดังซึ่งมีคุณสมบัติโดดเด่น และเพียบพร้อมไปเสียทุกเรื่อง แต่เมื่อไหร่ที่เธอต้องกลับบ้านภาพสวยหรูในโรงเรียนจะหายไปทันที เพราะเธอจะกลายเป็นสาวเฉิ่มคนหนึ่งที่คอยดูแลน้องชาย แต่แล้ววันหนึ่งเธอได้พบกับ มิยามุระ ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมห้อง จนมีโอกาสคุยกันจริงจัง จนทั้งสองคนได้รู้ความลับของกันและกัน ส่งผลให้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ที่ดี และมิตรภาพที่ยอดเยี่ยมร่วมกันในที่สุด โดยสามารถติดตามกันทั้งเรื่องได้ที่ POPS และ BILIBILI

5. เกิดใหม่ทั้งทีก็เป็นสไลม์ไปซะแล้ว

สำหรับอนิเมะเรื่องนี้พูดถึงเรื่องราวที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ของ มิคามิ มนุษย์เงินเดือนคนหนึ่ง ซึ่งเสียชีวิตจากการโดนแทงบนถนน จากนั้นเขามาเกิดใหม่ในโลกอื่นแถมยังกลายเป็นมอนสเตอร์สไลม์ไม่มีอะไรน่าสนใจเลย แต่ในขณะที่หลายคนมองว่าเขาไม่มีอะไรเลย สิ่งที่ทำให้เขาโดดเด่นขึ้นมาคือ มีสกิลที่เก่งกาจอย่างมาก ซึ่งทำให้กลายเป็นจุดเด่นของโลกดังกล่าวทันที โดยสามารถติดตามความสนุกได้ที่ Netflix, IQIYI และ VIU

อัญมณีที่หลายคนชื่นชอบอย่าง เพชร คือของสะสมของหลาย ๆ คน และมีคนจำนวนไม่น้อยเข้าใจว่ามีแต่สีขาวเท่านั้น ทั้งที่ความจริงแล้วมีหลายสี เหมือนอัญมณีประเภทอื่น โดยสีคือตัวกำหนดราคาเช่นเดียวกัน ซึ่งบางเม็ดอาจจะมีค่าตัวสูงถึงหลายล้านบาท ทั้งนี้ราคาจะมีเงื่อนไขว่าสีที่ได้เกิดขึ้นโดยธรรมชาติหรือเป็นการสังเคราะห์จากห้องแล็บ 

สีของเพชรแต่ละสีเกิดจากอะไร

สีของ เพชร เกิดจากคาร์บอนที่มีอยู่ในตัว ซึ่งทำปฏิกิริยากับความร้อนและสารเคมีอื่น ๆ ที่เป็นองค์ประกอบทำให้มีสีสันแตกต่างกันออกไป โดยตัวอย่างของสารที่ทำให้เกิดสีคือ ธาตุไนโตรเจน , ไทเทเนียม , เหล็ก, โครเมียม หรือโครงสร้างภายในของตัว ทำให้สีเพชรออกมาแตกต่างกัน

ราคาของ Diamond แปรผันตามสีที่ปรากฏเป็นความจริง

นอกจากอัญมณีชนิดนี้จะมีราคาสูงตามคุณภาพ อย่างเช่น การเปล่งแสง ความบริสุทธิ์ ขนาดกะรัต การเจียระไน ในส่วนของสีก็ยังมีผลต่อราคาเพชรเช่นเดียวกัน ยิ่งสีหายากมากแค่ไหน เท่ากับว่าคนซื้อจะต้องทุ่มเงินก้อนโตทันที เนื่องจากเพชรบางสีใช้เวลาหลายปีกว่าจะเจอสักครั้ง

5 อันดับสีหายากและมีราคาแพงที่สุดในโลก มีดังนี้ 

1. เพชรสีแดงและสีชมพู

สีแดงและสีชมพูตามธรรมชาติจะเกิดจากความร้อน และความกดอากาศที่สูงมาก ส่งผลต่ออะตอมภายในเกิดการเรียงตัวเพี้ยน โดยในปัจจุบันสีแดงได้ชื่อว่าจะหายากกว่าสีชมพู ซึ่งสีแดงค้นพบล่าสุดเมื่อปี 2011 ในชื่อว่า “Moussaieff Diamond” ซึ่งมีราคาเริ่มต้นที่ 8 ล้านเหรียญอเมริกา โดยพบที่แอฟริกา บราซิล และออสเตรเลีย เป็นหลัก ส่วนที่เห็นกันในท้องตลาดคือเพชรสังเคราะห์

2. เพชรสีน้ำและสีฟ้า

สีขึ้นชื่อว่าหายากนี้จะมีคาร์บอนเป็นส่วนประกอบหลัก และมีสารประกอบเป็นแร่โบรอน ที่ผ่านการตกผลึกภายในอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งค่อย ๆ ให้สีฟ้าออกมา ทั้งนี้ความเข้มของสีจะขึ้นอยู่กับจำนวนโบรอนที่อยู่ข้างใน หากมีโบรอนเป็นจำนวนมากระดับสีจะเข้ม จนบางครั้งจะได้สีน้ำเงินเข้มในที่สุด ซึ่งสีนี้มีโอกาสพบได้มากที่สุดในทวีปแอฟริกาใต้ ออสเตรเลีย และบางครั้งอาจจะพบในอินเดีย ซึ่งราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 6 ล้านบาท ต่อ 1 กะรัต

3. เพชรสีดำ

อัญมณีที่น่าค้นหา แต่ไม่ได้เป็นสีที่ได้รับความนิยมเท่าไร แต่การค้นหาสีดำตามธรรมชาติบอกได้เลยว่ายากมาก โดยสีดำเกิดจากสิ่งสกปรก หรือธาตุอื่น ๆ ปะปนจำนวนมาก และมีก้อนกลุ่มแกรไฟต์ เข้ามาเกาะ จนกลายเป็นสีดำทึบ คล้ายกับเมเทลลิกส์ แต่ทว่าแม้จะหายากกลับเป็น Diamond สีเดียวที่จัดอยู่ในกลุ่มหายากแต่ราคากลับไม่ได้สูงมาก จึงเหมาะกับเป็นของสะสมมากกว่าทำการซื้อขาย หรือบางคนอาจจะใช้สำหรับวันแต่งงานก็มี โดยราคาเริ่มต้นที่ 175,000 บาทต่อกะรัตเท่านั้น

4. เพชรสีม่วง

ขั้นตอนการเกิดสีมาจากธาตุไนโตรเจนเพิ่มเข้ามามากกว่าปกติทำให้ดูคล้ายกับสีแดงหรือสีชมพู (Pink Diamond) แต่จะมีความทึบและมืดมากกว่า อย่างไรก็ตามถือว่าเป็นสีที่หายากมากกว่าสีชมพู แต่ยังไม่ถึงขั้นหายากเท่ากับสีแดง โดยล่าสุดมีการประมูลไปในราคา 26.6 ล้านเหรียญอเมริกา ที่น้ำหนัก 14.83 กะรัต

5. เพชรสีเขียว

สีเขียวเกิดจากการปนเปื้อนกัมมันตรังสีหรือแร่ไฮโดรเจน หรืออาจจะเป็นนิเกล เป็นต้น ทำให้อะตอมของคาร์บอนเรียงตัวผิดตำแหน่ง ส่งผลให้มีการดูดซับสีแดงเก็บไว้ภายใน และส่งสีเขียวออกมาเท่านั้น จัดว่าเป็นสีหายากมาก จนปัจจุบันกลายเป็นที่ต้องการของนักสะสม โดยเมื่อปี 2559 มีการประมูลกันในราคาสูงถึง 588 ล้านบาท ที่ขนาด 5.03 กะรัต ที่ฮ่องกง

สำหรับเครื่องประดับทั้ง 5 สี ถือว่าเป็นทรัพย์สินและของสะสมหายาก จึงกลายเป็นของที่มีมูลค่าสูง โดยในปัจจุบันสีของเพชรแฟนซี ยังคงเป็นที่ต้องการของนักสะสมอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังเป็นเหตุผลสำคัญต่อการซื้อขาย ส่วนราคาไม่มีความแน่นอน เพราะบางสีอาจมีราคาแพงกว่าสีที่หายากด้วยซ้ำ

หลายจังหวัดใกล้กับกรุงเทพมีแหล่งท่องเที่ยวน่าสนใจหลายแห่ง ซึ่งทำให้สะดวกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเดินทาง เพราะสามารถไปเช้าเย็นกลับได้ และยังเดินทางง่าย ๆ ด้วยรถส่วนตัว หรือรถสาธารณะ นอกจากนั้นเรื่องของงบประมาณที่ใช้ไม่สูงมาก เรียกได้ว่ามี 1,000 บาทก็สามารถออกไปเที่ยวได้เลย

แหล่งท่องเที่ยวใกล้กรุงที่ไม่จำเป็นต้องใช้งบเยอะมีหลายแห่ง

ถ้าพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวใกล้กรุงเทพ หลายคนคงนึกถึงบางแสนเป็นส่วนใหญ่ หรือหาดใกล้ ๆ ในจังหวัดชลบุรี และบางคนอาจจะนึกถึงนครนายก จังหวัดใกล้กรุงเทพที่มีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติหลายแห่งเท่านั้น แต่ในที่นี้เราขอแนะนำอีก 5 แหล่งท่องเที่ยวที่น่าไป และถือว่าได้ใช้เวลาพักผ่อนกับครอบครัวและคนรู้ใจได้ง่าย ๆ แถมบางครั้งอาจจะใช้งบประมาณไม่ถึง 1,000 บาทด้วยซ้ำ

แต่ละแห่งสามารถเดินทางสะดวกและมากันแบบครอบครัวได้

ทั้งนี้สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวใกล้กรุงเทพซึ่งใช้เวลาเดินทางไม่นาน อีกทั้งยังเป็นการท่องเที่ยวแบบประหยัดงบในกระเป๋า ยังคงเป็นการเดินทางที่หลายครอบครัวชื่นชอบ เพราะการเดินทางสะดวกมาก เนื่องจากใช้เวลาเดินทางถึงที่หมายปลายทางไม่กี่ชั่วโมง แถมบางครั้งอาจจะเลือกนอนค้างได้อีกด้วย ซึ่งทำให้แหล่งท่องเที่ยวใกล้ ๆ กรุงเทพเป็นตัวเลือกแรก ๆ ของหลายครอบครัวมากขึ้น

สำหรับ 5 สถานที่ท่องเที่ยวใกล้กรุงมีดังนี้

1. บางกะเจ้า

แหล่งโอโซนขนาดใหญ่จนได้ชื่อว่าเป็นปอดของคนสมุทรปราการและกรุงเทพ ซึ่งปัจจุบันเรียกว่ากระเพาะหมู เนื่องจากที่ล้อมรอบไปด้วยแม่น้ำเจ้าพระยา และยังปกคลุมด้วยต้นไม้ นอกจากนั้นยังมีป่าชายเลน และเทือกสวน ซึ่งที่นี่สามารถมาท่องเที่ยวแบบครอบครัวได้ สามารถมาได้โดยไม่จำเป็นต้องมารถส่วนตัวก็ได้ เพราะสามารถเช่าจักรยานปั่นรอบ ๆ ได้ และยังมีตลาดบางน้ำผึ้ง สวน ร้านกาแฟ รวมถึงร้านอาหารอร่อย ๆ หลายร้านด้วยกัน โดยสถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องแวะคือ ศรีนครเขื่อนขันธ์ , พิพิธภัณฑ์ปลากัดไทย , วัดพราหมณ์เทวาลัย , ร้านโอโซนคาเฟ่ ฯลฯ โดยสามารถเที่ยวคุ้งบางกะเจ้าไปเที่ยวได้ทั้งวัน เพราะเปิดตลอด 24 ชั่วโมง

2. ไหว้พระเก้าวัดอยุธยา

สำหรับทริปไหว้พระเก้าวัดที่จังหวัดอยุธยายังคงเป็นอีกหนึ่งทริปที่น่าสนใจ เพราะนอกจากจะอยู่ใกล้กรุงเทพแล้วยังได้ความอิ่มอกอิ่มใจจากการทำบุญไหว้พระ นอกจากนั้นสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ยังคงดึงดูดใจไม่น้อยเลยทีเดียว ส่วน 9 วัดที่คนนิยมไปมากที่สุดคือ วัดมหาธาตุ , วัดใหญ่ชัยมงคล , วัดพนัญเชิงวรวิหาร , วัดพระศรีสรรเพชญ์ , วัดหน้าพระเมรุ , วัดแม่นางปลื้ม , วัดธรรมมิกราช , วัดไชยวัฒนาราม และวัดราชบูรณะ ส่วนเวลาเปิด-ปิดของแต่ละวัดอาจจะไม่ตรงกัน ดังนั้นต้องอ่านข้อมูลอย่างละเอียดก่อนการเดินทาง

3. ตลาดบ้านใหม่ร้อยปี

สำหรับตลาดโบราณอายุถึง 100 ปี อีกหนึ่งแห่งที่ต้องแนะนำ เพราะอยู่ที่ จ.ฉะเชิงเทรา โดยจุดเด่นของที่นี่คืออาหารและขนมโบราณอร่อย ๆ มีให้เลือกหลายเจ้า และบางอย่างเป็นของหาได้ยากมาก นอกจากนั้นยังมีของที่ทำให้เรานึกย้อนกลับไปถึงวันวานสมัยยังเป็นเด็กอีกด้วย เมื่อคุณมาท่องเที่ยวที่นี่ของดีที่ทุกคนไม่ควรพลาดคือ ข้าวห่อใบบัวร้านครูลิน ซึ่งเป็นร้านที่อยู่คู่ตลาดนี้มานานหลายปี เปิดทุกวันในเวลา 08.00-17.00 น.

4. ตลาดน้ำทุ่งบัวแดง ณ บางเลน

ที่นี่คือแหล่งท่องเที่ยวที่เรียกได้ว่าใกล้กรุงเทพสุด ๆ เพราะอยู่ใน จ.นครปฐม เท่านั้นเอง โดยไฮไลท์ของที่นี่คือดอกบัวแดง ซึ่งที่นี่มีพรอพให้เช่าถ่ายรูปในราคากันเองอีกด้วย ส่วนเรื่องของอาหารการกินถือว่าสอบผ่าน เพราะมีร้านอร่อยให้เลือกมากมาย ทั้งนี้สำหรับการเดินทางสามารถมาได้ทั้งรถยนต์ส่วนตัวและรถสาธารณะ โดยตลาดแห่งนี้เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 09.00-18.00 น.

5. อ่างเก็บน้ำบางพระ

อ่างเก็บน้ำแห่งนี้ตั้งอยู่ใน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ซึ่งที่นี่นอกจากวิวสวย ๆ แล้วยังสามารถมาพักผ่อนด้วยการปั่นจักรยานได้อีกด้วย ส่วนเรื่องอาหารการกินถือว่าไม่มีอะไรต้องห่วง เพราะมีร้านอร่อยให้เลือกตามใจชอบหลากหลาย อย่างไรก็ตามช่วงไฮไลท์ที่สายถ่ายรูปต้องมาเที่ยว คือช่วงเดือนมีนาคมจนถึงเดือนเมษายน เพราะที่นี่จะมีดอกตะแบกบานสะพรั่งยาวถึง 1 กิโลเมตร ส่วนการท่องเที่ยวสามารถมาได้ 24 ชั่วโมง และมีพื้นที่สำหรับกางเต็นท์อีกด้วย

สำหรับทั้ง 5 แหล่งท่องเที่ยวที่กล่าวมาข้างต้น เป็นสถานที่ที่หลายคนมักใช้เวลาร่วมกับครอบครัวทำกิจกรรมร่วมกันบ่อยครั้ง เนื่องจากใช้เวลาเดินทางไม่ไกล แถมยังสามารถทำกิจกรรมได้มากกว่า 1 อย่าง โดยปัจจุบันถือว่ากำลังเป็นที่นิยมจากนักท่องเที่ยวอย่างแพร่หลาย อีกทั้งยังเป็นการท่องเที่ยวที่เข้ากับยุคของการแพร่ระบาดของเชื้อโควิดอีกด้วย เพราะแต่ละที่นั้นมีการป้องกันเชื้อตามหลักการอย่างเคร่งครัด

เมื่อพูดถึงสัตว์เลี้ยงยอดฮิตเชื่อว่า แมว ติดอยู่ในอันดับต้น ๆ ตีคู่มาพร้อมกับน้องหมาแน่นอน เพราะปัจจุบันมีคนเลี้ยงในวงกว้าง แถมความน่ารักของน้อง ๆ ไม่ได้ด้อยกว่าน้องหมาเลยด้วยซ้ำ เนื่องจากมีหลายสายพันธุ์ให้เลือก แถมแต่ละสายพันธุ์ยังมีนิสัยที่น่าสนใจแตกต่างกันออกไป และสำหรับสายพันธุ์ขนาดใหญ่ เริ่มมีคนนิยมเลี้ยงมากขึ้นถึงแม้หลายคนจะมองว่าดุและน่ากลัวก็ตาม

พันธุ์ใหญ่กำลังเป็นที่นิยมเลี้ยงของคนรักน้องแมวมากขึ้น

ก่อนหน้านี้ถ้าพูดถึง แมว เราอาจจะคุ้นชินกับน้อง ๆ สายพันธุ์ทั่วไปไม่ว่าจะ เปอร์เซีย สกอตติชโฟลด์ อเมริกันช็อตแฮร์ รวมถึงแมวไทยทุกสายพันธุ์ แต่ถ้าพูดถึง แมวสายพันธุ์ใหญ่ เชื่อว่าหลายคนคงยังไม่ค่อยคุ้นเคยเท่าไหร่นัก แต่สำหรับหลายคนกำลังให้ความสนใจพันธุ์เหล่านี้มากขึ้น และทำให้คนเลี้ยงน้องแมวพยายามมองหาฟาร์มที่ไว้ใจได้ เพื่อสู่ขอน้องมาเลี้ยงไม่แพ้พันธุ์อื่น ๆ

แนะนำสายพันธุ์น้องเหมียวตัวใหญ่ที่หลายคนกำลังมองหา

สำหรับสายพันธุ์แมวแมวพันธุ์ใหญ่ที่หลายคนกำลังมองหา ที่สามารถเลี้ยงได้ในไทยมีไม่ค่อยหลากหลายมากนัก เพราะยังมีปัญหาเรื่องการจดทะเบียนนำเข้า แต่ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับหลายคน โดยบางรายแก้ปัญหาโดยการติดต่อขอซื้อแมวพันธุ์ใหญ่จากฟาร์มที่ไว้ใจได้ และมีเอกสารจดทะเบียนเพาะพันธุ์น้อง ๆ สายพันธุ์ใหญ่ถูกต้องถามกฎหมาย

มารู้จักกันว่าทั้ง 5 สายพันธุ์ที่กำลังนิยมมีสายพันธุ์ไหนบ้าง

1. แมวพันธุ์เมนคูน

พูดถึงเจ้าเหมียวพันธุ์ เมนคูน หลายคนอาจจะคุ้นหูกันมาบ้างแล้ว เนื่องจากเป็นแมวสายพันธุ์น่ารักอีกแบบ แต่ยังจัดอยู่ในกลุ่มของแมวป่า อุปนิสัยเป็นมิตรมาก เพราะอ่อนโยนต่อทุกคน เชื่อฟังทาสอย่างมาก อีกทั้งยังไม่ตื่นตระหนกง่าย ดังนั้นจสามารถพาเดินออกไปข้างนอกได้โดยใส่สายจูง นอกจากนั้นเจ้าเมนคูนยังมีความพิเศษต่างจากแมวทั่ว ๆ ไปตรงที่ชอบเล่นน้ำมาก ถึงแม้ว่าขนจะหนาอยู่แล้วก็ตาม โดยสายพันธุ์นี้จะมีน้ำหนักมากถึง 8 กิโลกรัม หรืออาจจะมากกว่านี้ได้เหมือนกัน ส่วนความยาวของลำตัวจะอยู่ที่ประมาณ 48.5 นิ้ว ส่วนเรื่องราคาบอกได้คำเดียวว่าเงินไม่ถึงคงทำได้แค่มองเท่านั้น เพราะน้องมีราคาเริ่มต้นที่หลักหมื่น หรือบางฟาร์มอาจจะใจดียอมปล่อยให้ในราคาหลักพันปลาย ๆ

2. แมวพันธุ์คาราคัล

แมวป่าในดวงใจของใครหลายคนที่อยากได้สัมผัสสักครั้ง ด้วยเสน่ห์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร แต่ความดุของเจ้าตัวนี้ก็ไม่น้อยเหมือนกัน ซึ่งบางตัวเชื่อฟังแค่เจ้าของคนเดียวเท่านั้น ส่วนรูปร่างมองไกล ๆ ยังไงก็เสือดี ๆ นี่เอง เพราะสามารถมีความยาวของลำตัวได้มากถึง 90 เซนติเมตร ส่วนน้ำหนักตัวสูงสุดอยู่ที่ 18 กิโลกรัม เจ้าตัวนี้หากอยู่ตามธรรมชาติถือว่าเป็นนักล่าอันดับต้น ๆ เลยก็ว่าได้ ส่วนคนที่จะเลี้ยงแค่เตรียมมันนี่ 3 แสนบาท เป็นค่าสินสอดสู่ขอน้องมาร่วมชายคาเดียวกัน และถ้าซื้อจากฟาร์มที่ได้มาตรฐานจะได้ใบครอบครองจากกรมป่าไม้ด้วย เพราะคาราคัลเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองประเภทที่ 2

3. แมวป่านอร์เวย์

ดูเผิน ๆ หน้าตาไม่ได้ต่างจาก เมนคูน เท่าไหร่ ส่วนรูปร่างถือว่าเป็นน้องแมวตัวใหญ่เอาเรื่องเหมือนกัน เพราะน้ำหนักตัวอาจจะมากกว่า 8 กิโลกรัม ส่วนนิสัยใจคอได้ชื่อว่าเป็นมิตรกับทุกคน ไม่ค่อยวุ่นวาย ใจเย็นเป็นที่สุด แต่สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้ขี้เล่นได้ เพียงแค่เจ้าของต้องทำความเข้าใจกับน้องมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันยังคงเป็นที่นิยมของคนเลี้ยงแมวมากขึ้น ส่วนเรื่องราคาซื้อ-ขายอยู่ที่ 20,700-103,500 บาท เท่านั้น 

4. แมวพันธุ์เซอร์วัล

แมวป่าที่กำลังได้รับความนิยมจากคนรักน้องเหมียวมากขึ้น โดยเจ้าตัวยังมีสัญชาตญาณนักล่าเต็มตัว ซึ่งรูปทรงภายนอกดูคล้ายกวางมาก แต่เมื่อพูดถึงนิสัยใจคอใกล้เคียงกับคาราคัลสุด ๆ ซึ่งหากมองระยะไกลบอกได้คำเดียวว่าน่าจะใส่เกียร์วิ่งแน่นอน เพราะรูปร่างของน้องคล้ายกับเสือชีตาร์มาก ด้วยลายจุดที่แยกกันแทบไม่ออกว่าอันไหนแมวอันไหนเสือ โดยน้ำหนักโตเต็มวัยจะอยู่ที่ 16 กิโลกรัม ส่วนเรื่องขนาดความยาวของลำตัวจะอยู่ที่ 100 เซนติเมตร ส่วนค่าสินสอดสู่ขอน้องมาเลี้ยงราคาเริ่มต้นที่ 250,000 บาทเท่านั้น

5. แมวพันธุ์อาชีร่า

สายพันธุ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่เป็นการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างแมวป่าแอฟริกัน และแมวดาวเอเชียรวมถึงแมวบ้าน โดยมีสถิติน้ำหนักตัวมากถึง 13.6 กิโลกรัม ลำตัวยาวได้ถึง 120 เซนติเมตร ส่วนนิสัยถือว่าเป็นมิตรมาก ขี้อ้อน และสามารถใส่สายจูงพาเดินออกไปข้างนอกได้ แต่การตัดสินใจเอาน้องมาเลี้ยงอาจทำให้หลายคนคิดหนักมาก เนื่องจากตัวเลขค่าตัวของน้องเริ่มต้นที่ 770,000 บาท

แมวพันธุ์ใหญ่ถือว่ากำลังมาแรงไม่แพ้เจ้าขนปุยหางยาวพันธุ์อื่นเลย ด้วยราคาสูงพอสมควรทำให้มีวงจำกัดในการเลี้ยงในหมู่คนรักจริง ๆ และทุนมากพอ เหตุเพราะไม่ได้มีแค่ค่าตัวของน้องเท่านั้น แต่ยังหมายถึงค่าดูแล ค่าคุณหมอ และค่าอาหารไปด้วย

ไม่ว่าปัญหาในชีวิตจะหนักแค่ไหน บางครั้งหนังสามารถช่วยให้เราผ่านช่วงเวลายากลำบากไปได้ เพราะหนังหลายเรื่องช่วยให้เราได้ผ่อนคลายจากความตึงเครียดในแต่ละวัน ไม่ว่าจะเป็นจากการทำงาน การเรียน หรือความกดดันจากหลายเรื่องที่รุมเร้าเข้ามา ดังนั้นหา ละคร หรือมูฟวี่การ์ตูนสักเรื่องมาดู ช่วยให้ผ่อนคลายได้ดีมากทีเดียว

หนังคือเพื่อนคนหนึ่งที่อยากทำความรู้จักเราโดยการเล่าให้ฟัง

หนังเกี่ยวกับอัตชีวประวัติหลาย ๆ เรื่องสร้างจากโครงเรื่องจริง หรือจากจินตนาการของผู้เขียนบท เพื่อบอกเล่าการเดินทางของคนนั้น ๆ ว่ากว่าจะถึงตอนจบที่บางครั้งก็ Happy ending เพื่อให้เรายินดีและยิ้มให้ หรือแม้แต่ Bad ending เพื่อให้เรารู้ว่าบางปัญหามันก็ไม่มีทางออกเสมอไป ช่วยเศร้ากับฉันก่อน แล้วค่อยยอมรับ และ Move on กันต่อไป สำหรับบางปัญหาก็มีความคล้ายคลึงกับในหนังที่เราดู จนบางทีเราอาจหาทางออกของปัญหานั้น ๆ ได้จากการดูหนังก็เป็นได้

การดู Movie หนึ่งเรื่องได้มุมมองใหม่อีกหลายมุม

ภาพยนตร์ถูกสร้างมาเพื่อความบันเทิง แต่หนังบางเรื่องถูกสร้างขึ้นมา เพื่อเป็นแรงบันดาลใจ เราอาจจะไม่เข้าใจการกระทำของตัวละครในตอนแรก แต่เมื่อเราดูไปเรื่อย ๆ ทำไมเรากลับลุ้นและเอาใจช่วย และเมื่อลองตั้งสติเราจะรู้ว่าการดูหนังออนไลน์เป็นสิ่งหนึ่งที่ควรทำ หากต้องเจอกับวันที่ตึงเครียดหนัก ๆ อย่างมาก

ดังนั้นจึงอยากแนะนำหนัง 5 เรื่องที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจ รับมือปัญหาชีวิตได้ดี ดังนี้

1. Forrest Gump 

เป็นหนังเก่าที่ตัวเอกอย่าง ฟอเรส กั้ม เล่าเรื่องของตัวเองให้คนอื่นฟัง กั้มเป็นตัวแทนของคนที่มีพื้นฐานติดลบ ในขณะที่คนอื่นเริ่มจากศูนย์ เขามักพูดเสมอว่าชีวิตเราก็เหมือนกล่องใส่ช็อคโกแลต ที่คุณไม่มีทางรู้ว่าจะได้อะไร เขาต้องใส่เหล็กที่ขาจนถึงหลัง เพื่อให้เดินหลังตรง การจะเดินไปไหนมาไหนของเขาเป็นเรื่องยาก แต่ก็ถูกเพื่อนแกล้งขับรถไล่ตาม เขาจึงต้องวิ่งหนี และท้ายที่สุดเขามีโอกาสติดทีมชาติอเมริกันฟุตบอล จากนั้นก็ไปสงครามเวียดนามจนได้เจอเพื่อนแท้ แต่เพื่อนดันเสียในสงครามเวียดนาม เขาเล่นปิงปองเก่งมากจนเป็นคนอมเริกากลุ่มแรกที่ได้ไปจีน หลังจากได้เงินมาก็นำไปซื้อเรือกุ้งที่เคยสัญญากับเพื่อน เจนนี่ เพื่อนคนเดียวที่มี และเธอเคยมีอะไรกับเขา ก่อนจะทิ้งไป จากนั้นเธอได้ส่งข่าวมาบอกเขา ในวันที่เป็นโรคร้ายแรง จากนั้นจึงฝากฝังลูกชายของเธอกับเขาไว้ พร้อมกับความเสียใจ โดยกั้มต้องเจอกับความสูญเสียบ่อยครั้ง แต่ก็ไม่เคยจะยอมแพ้กับปัญหา

2. The Founder 

หนังที่สร้างมาจากเค้าโครงเรื่องจริงของผู้ก่อตั้ง แมคโดนัลด์ ที่ล้มเหลวกับการทำธุรกิจที่ตัวเองทำ จนได้เจอกับร้านอาหารที่เสิร์ฟให้ลูกค้าภายใน 30 นาที จึงเจรจาทางธุรกิจ แต่แล้วเมื่อมีเม็ดเงินเข้ามาเกี่ยวก็เกิดความขัดแย้ง เรื่องจบอย่างไรอยากแนะนำให้ทุกคนได้ดู บางครั้งโลกธุรกิจก็โหดร้ายสำหรับบางคน 

3. The Pursuit of Happyness

หนังอีกหนึ่งเรื่องที่สร้างมาจากเค้าโครงเรื่องจริงของคริส การ์ดเนอร์ ชายไร้บ้านผู้ที่ล้มไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่ก็ยังลุกขั้นมาได้ เพราะคำพูดที่ว่า “เดี๋ยวทุกอย่างจะดีเอง” แม้ปัญหาที่เจอจะร้ายแรงแค่ไหน แต่ชายผู้นี้ก็ยังมองโลกในแง่ดีเสมอ ใครที่กำลังท้ออยากแนะนำให้ดูหนังเรื่องนี้มาก ๆ

4. Jobs สตีฟ จ็อบส์

อัจฉริยะเปลี่ยนโลก หนังที่เล่าเรื่องของผู้ชายในตำนานของโลกเทคโนโลยี สตีฟ จ็อบส์ ชายผู้ก่อตั้งบริษัท แอปเปิ้ล ชายที่ใคร ๆ ต่างก็บอกว่าเรียนไม่จบ แต่สร้างบริษัทเป็นของตัวเองได้ ชายผู้ถูกไล่ออกจากบริษัทที่ตัวเองรักและสร้างมาเองกับมือ และในที่สุดก็กลับมาในบริษัทที่ตัวเองรักอีกครั้ง 

5. The Intern 

หนังที่จะทำให้รู้สึกว่า หากยังไม่หมดไฟก็อย่ากลัวกับกรอบสังคม และทุกคนเป็นครู และนักเรียนได้เสมอ หากเขาให้คำตอบเราได้ และอย่าจำกัดความสามารถของตัวเองด้วย อายุ เพศ หรือแม้แต่หน้าที่ทางสังคม

หนังทั้ง 5 เรื่อง ถือว่าช่วยสร้างแรงบันดาลใจ และยังช่วยให้คุณรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังช่วยให้ผ่านอุปสรรคต่าง ๆ ไปได้อย่างง่าย ดังนั้น การดูหนังไม่ได้ไร้ประโยชน์ แต่เป็นการสะท้อนมุมมองต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจริงบนโลกใบนี้

อาหารไทยได้รับการยอมรับและยกย่องจากคนทั่วโลกมาอย่างยาวนาน อีกทั้งยังเป็นเมนูอาหารที่นักท่องเที่ยวและชาวต่างชาติต่างติดอกติดใจในรสชาติเป็นจำนวนมาก ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจหากเมนูต่าง ๆ ของไทยจะเมนูที่อร่อย ดีที่สุดในโลกหลายครั้งติดต่อกัน 

อาหารไทยได้แชมป์เมนูที่อร่อยที่สุดในโลกมาครอง 

อาหารไทยมีหลากหลายรูปแบบ ซึ่งมีทั้งสูตรดั้งเดิมไทยแท้แต่โบราณมา หรืออาจจะมีการรับเอาวัฒนธรรมจากประเทศต่าง ๆ มาผสมผสาน จนเกิด เมนูใหม่ ที่หลายคนคุ้นเคย และอยู่คู่ครัวไทยมานาน

สำหรับ 5 อาหารไทยที่ดีและอร่อยที่สุดในโลกมีอะไรบ้าง

ในปี 2020 อาหารไทยติดกระแสอีกครั้ง เมื่อมี 5 เมนูติดอันดับในโลก ซึ่งก็คือ

1. มัสมั่น

ในปีที่ผ่านมา มัสมั่น ได้รับเสียงโหวตจากคนทั่วโลกว่า อร่อยที่สุดในโลก จนได้รับเสียงโหวตให้เป็นที่ 1 ชนะเมนูอาหารจากนานาประเทศทั่วโลก ซึ่งรสชาติโดยรวมของมัสมั่นคือ หอมเครื่องเทศต่าง ๆ รสชาติหวาน เปรี้ยว เค็ม เผ็ดนิดหน่อย และยิ่งได้กะทิหอมอร่อยด้วยแล้ว ยิ่งทำให้เมนูดังกล่าวน่าสนใจและอร่อยมากยิ่งขึ้น ส่วนที่มาของเมนูนี้มีต้นตำรับที่แท้จริงอยู่ที่ประเทศอินเดีย 

ทั้งนี้ถึงแม้ปัจจุบันจะมีสัญชาติไทย แต่เมนูมัสมั่นภาคกลางและภาคใต้จะมีส่วนผสมของเครื่องแกงแตกต่างกัน เพราะทางภาคใต้จะได้รับอิทธิพลมาจาก มลายู-ชวา ดังนั้นรสชาติจะแตกต่างจากภาคกลาง ส่วนเนื้อสัตว์จะใช้เป็น เนื้อวัว ไก่ หรือหมู ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน แต่ส่วนใหญ่ทางภาคใต้จะนิยมแกงเป็นวัวและไก่ หรือบางพื้นที่จะเน้นเป็นแพะ

2. ต้มยำกุ้ง

เมื่อปีที่ผ่านมาต้มยำกุ้งได้รับคะแนนโหวตให้เป็นอาหารอร่อยที่สุดในโลกในลำดับ 8 โดยเมนูนี้อยู่คู่คนไทยมานานมาก และถือว่าเป็นอาหารประจำชาติไทยมานาน จนกระทั่งเป็นเมนูที่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจะต้องสั่งลองชิมกันเสมอ ซึ่งเมนูนี้จะแบ่งออกเป็น 2 แบบ นั่นก็คือน้ำข้นกับ น้ำใส ซึ่งจะให้รสชาติที่แตกต่างกัน โดยทางด้านน้ำข้นจะหวาน มันหน่อย ๆ เพราะมีส่วนผสมของกะทิ หรืออาจจะเป็นนมสดเพิ่มลงไป ในขณะที่ทางด้านต้มยำน้ำใส จะมีแค่ มะนาว พริก เกลือ น้ำปลา เท่านั้น แต่รสชาติทั้งสองแบบรับรองได้ว่าถูกใจแน่นอน อีกทั้งเมนูนี้ถือว่าเป็นเมนูที่เต็มไปด้วยสมุนไพรครบครัน ไม่ว่าจะเป็น ตะไคร้ พริก มะนาว ข่า ใบมะกรูด ดังนั้นเมื่อตักใส่ถ้วยเสิร์ฟพร้อมกับกุ้งตัวโต ๆ อย่าง กุ้งแม่น้ำ ยิ่งเพิ่มความอร่อยมากขึ้นไปอีก จนทำให้เมนูนี้ฮิตไปทั่วโลก

3. ส้มตำ

อาหารยอดฮิตของคนไทยทุกภาค ด้วยเป็นหาได้ง่าย รสชาติจัดจ้าน แถมยังมีความหลากหลาย เพราะมีหลายตำให้เลือก แต่ส่วนประกอบหลักคือเส้นมะละกอขูด หรือบางคนชอบแบบสับมากกว่า โดยส่วนใหญ่แล้วจะคิดว่าส้มตำคืออาหารทางภาคอีสาน ซึ่งจริง ๆ แล้วเมนูนี้มีต้นกำเนิดมาจากทางภาคกลาง ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา โดยเริ่มจากนำมะละกอมาตำรวมกับมะนาว และน้ำตาลปี๊บ เนื่องจากคนไทยสมัยก่อนชอบรสเปรี้ยว หวาน ดังนั้นจึงเป็นที่มาของคำว่า “ตำไทย” 

ซึ่งตำไทยแท้ ๆ จะต้องมีส่วนประกอบพิเศษ 2 อย่างนั้นก็คือ กุ้งแห้ง และ ถั่วลิสง ส่วนในปัจจุบันเริ่มปู หรือไข่เค็ม และบางร้านมีเมนูครีเอทด้วยใส่เนื้อสัตว์อย่าง หมูย่าง หมูกรอบ หมูยอ เพิ่มเติม และยังมีบางร้านดัดแปลงให้แปลกใหม่มากขึ้นโดยนำเส้นมะละกอไปทอดจนกรอบ ทั้งนี้สำหรับที่มาของใส่มะละกอและพริก จริงๆ แล้วพืชทั้งสองชนิดไม่ได้มีต้นกำเนิดที่ไทย แต่ถูกนำเข้ามายังทวีปเอเชีย โดยพ่อค้าที่เดินทางมาทำการค้า ส่วนคำว่ามะละกอเป็นการออกเสียงเพี้ยนมาจากมะละกา เพราะคนไทยสมัยนั้นคิดวา มะละกอ เป็นพืชพื้นเมืองของมะละกา โดยเมนูนี้ได้รับเสียงโหวตจากคนทั่วโลกติดอันดับ 46

4. ผัดไทย 

อาหารประเภทเส้นที่เป็นการฟิวชั่นระหว่างอาหารไทยและจีนได้อย่างลงตัว ส่วนผสมไม่ได้ยุ่งยาก มีแค่น้ำซอสซึ่งมีส่วนผสมของมะขามเป็นหลัก และเส้นจันทน์เหนียวนุ่มเพิ่มความอร่อย ซึ่งปัจจุบันยังได้ชื่อว่าเป็นเมนูอาหารที่หลายคนชื่นชอบ เพราะทานง่าย มีประโยชน์และยิ่งเพิ่มกุ้งสดไปด้วยยิ่งอร่อยมากยิ่งขึ้น

5. แกงเขียวหวาน

อีกหนึ่งเมนูสุดฮิตของไทย ที่หาทานได้ง่าย โดยรสชาติกลมกล่อม โดยคำว่าเขียวหวานมาจากสีของน้ำแกงที่ออกเขียว และรสชาติที่ออกหวานนำเล็กน้อยของกะทิ โดยเมนูนี้ทานคู่กับขนมจีนยิ่งเพิ่มความอร่อยไปอีกแบบ

โดย 5 เมนู อาหารที่ติดอันดับโลกเป็น เมนูโปรด ของใครหลายคน เนื่องจาก อร่อย จัดจ้าน ละมุน และลงตัว ทำให้หลายคนลิสต์ไว้เป็นเมนูประจำวัน โดยไม่มีเบื่อ อีกทั้งยังเป็นเมนูที่ทำไม่ยาก และหาทานได้ง่ายมาก

สำหรับคำว่าซีรีย์กับละครนั้นมีความหมายอย่างเดียวกัน แต่ปัจจุบันหลายคนเริ่มแยกความหมายออกจากกัน เพื่อให้ง่ายต่อการพูดถึง และถ้าพูดถึงเรื่องของต้นตำรับคงไม่เอ่ยถึงประเทศเกาหลีไม่ได้ เนื่องจากเป็นประเทศแรก ๆ ที่มีผลงานเกี่ยวกับซีรีย์สู่วงการ ซึ่งมีหลายเรื่องที่กำลังมาแรงจนทำให้สาวกติดตามมาโดยตลอด และถูกนำมาฉายบนแพลตฟอร์มดูหนังออนไลน์อย่าง Netflix

ซีรีย์ดังหลายเรื่องในแพล็ตฟอร์มดูหนังที่ต้องไม่พลาด

สำหรับซีรีย์ดังใน Netflix ไม่ได้มีแต่ Series จากประเทศเกาหลีเท่านั้นที่น่าติดตาม แต่ยังอีกหลายประเทศทำซีรีย์ฮิตออกมาให้น่าติดตามเช่นเดียวกัน ส่วนของไทยกำลังได้รับความสนใจไม่ต่างจากประเทศอื่น ๆ เช่นเดียวกัน หลังจากเริ่มบุกตลาดซีรีย์วาย และซีรีย์แนวที่สื่อถึงความแตกต่างได้อย่างดี ทำให้ตอนนี้หลายเรื่องถูกดึงไปใน Netflix แพลตฟอร์มดูหนังชั้นนำมากขึ้น

5 อันดับซีรีย์กำลังมาแรงในช่วงนี้มีอะไรบ้าง

สำหรับ 5 เรื่องที่จะนำเสนอในวันนี้ รับรองได้ว่าเป็นซีรีย์ที่หลายคนกำลังติดตามอย่างใจจดใจจ่อสุด ๆ อีกทั้งยังได้รับคะแนนโหวตว่าเป็นเรื่องที่ดีที่สุดใน Netflix ที่คอ Series ไม่ควรพลาดอีกด้วย เนื่องจากการนำเสนอแต่ละเรื่องนั้นทำได้ดีทีเดียว

1. Vincenzo ทนายมาเฟีย

วินเซนโซ ที่มีอดีตเคยช่วยงานกลุ่มมาเฟียอิตาลี กลับมาประเทศเกาหลีบ้านเกิดอีกครั้ง ซึ่งการกลับมาของเขาในครั้งนี้ทำให้เจ้าตัวเจอเหตุการณ์บางอย่าง โดยไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ จึงตัดสินใจลงเรือลำเดียวกับทนายความสาวคนดังอย่าง ฮงชายอง งานนี้งานของทั้งคู่คือ ร่วมมือกันต่อสู้กับบริษัทใหญ่ซึ่งเต็มไปด้วยอำนาจและอิทธิพล เพื่อทวงความยุติธรรมแบบร้ายมาร้ายกลับเพิ่มเป็นหลายเท่า ซึ่งเรื่องนี้เป็นการนำเสนอเนื้อเรื่องที่เสียดสีความยุติธรรมในสังคมได้ดี พร้อมกับมุกตลกแบบร้าย ๆ ในบางช่วง ซึ่งความโดดเด่นไม่ได้มีเพียงแค่เนื้อเรื่องเท่านั้น แต่เรื่องนี้ ซงจุงกิ และชอนยอบิน นักแสดงหลักได้ถ่ายทอดเรื่องราวต่าง ๆ ผ่านตัวละครได้ดีมาก

2. ลูแปง หรือ Lupin

ซีรี่ย์เรื่องนี้ไม่ได้เล่าถึงจอมโจร ลูแปง ในนิยาย แต่เป็นการเล่าเรื่องผ่านตัวละครที่มีชื่อว่า “อัสซาน” ซึ่งเลือกขโมยเพชรของต้นตระกูลเศรษฐี หลังจากเชื่อว่าพ่อของเขาโดนใส่ร้ายจนเสียชีวิต ซึ่งวิธีการของเขาคือการค้นหาความจริงการจากไปของพ่อให้ได้เท่านั้น ซึ่งเรื่องนี้เรียกได้ว่ามีฉากให้ลุ้นต่อเนื่องตลอดทั้งเรื่อง ผ่านฝีมือการแสดงของ “โอมาร์ ไซ”

3. Riverdale

ซีรี่ย์เรื่องนี้เป็นการเล่าเรื่องถึงอาชญากรรมของกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มหนึ่ง โดยเรื่องเริ่มต้นที่ เจสัน บลอสซัม หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย จนนำมาสู่เรื่องราวด้านมืดของโรงเรียน ริเวอร์เดลไฮ โดยในเรื่องจะพูดถึงเกี่ยวกับเรื่องของอาชญากรรม มิตรภาพ ยาเสพติด ความรัก โดยสมาชิกกลุ่มวัยรุ่นที่เกี่ยวข้องนอกจาก เจสัน แล้วยังมี เบตตี้ , อาร์ซี่ , เวโรนิก้า และปิดท้ายกันด้วย จักเฮด ซึ่งทั้งหมดต้องการหาคำตอบให้ได้ว่า เจสัน หายไปไหน และหายไปได้อย่างไร โดยทำทุกอย่างเพื่อตามหาคำตอบของเรื่องนี้

4. Kingdom: Ashin of the North

ซีรีย์แนวย้อนยุค ซึ่งได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง โดยในเรื่องเล่าถึงการต่อสู้กับประชาชนที่ติดโรคระบาดจนกลายเป็น “ซอมบี้” ซึ่งเรื่องนี้จะเปิดตัวด้วยหญิงสาวจากแดนเหนือชื่อว่า “อาชิน” ที่มาพร้อมกับความลับต่าง ๆ เกี่ยวกับต้นกำเนิดของฝูงซอมบี้ได้ และวิธีการรักษาโรคต่าง ๆ โดยภาคนี้ไม่ได้เน้นแค่บทบู๊ของนางเอกอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังพูดถึงความรักระหว่างนางเอกกับ มิน จีรอก พระเอกของเรื่องอีกด้วย 

5. She Would Never Know

ซีรีย์แนวรักโรแมนติกอีกเรื่องที่ได้รับความสนใจ และมีกระแสตอบรับอย่างต่อเนื่องจากแฟน ๆ โดยเรื่องนี้ดัดแปลงมาจากนิยายออนไลน์ชื่อดัง ซึ่งมีเนื้อหานำเสนอถึงความรักของสาวรุ่นพี่ในตำแหน่งมาร์เก็ตติ้งอย่าง ยุนซงอา ซึ่งมีความฝันอยากมีแบรนด์เครื่องสำอางเป็นของตัวเอง และแชฮยอนซึง หนุ่มรุ่นน้องที่เพิ่งเข้ามาทำงานในบริษัทได้ไม่นาน โดยหนุ่มคนนี้ทำให้นางเอกของเรื่องซึ่งเคยตั้งปฏิญาณกับตัวเองเอาไว้ว่า จะไม่ออกเดทกับคนที่มีอายุน้อยกว่าเด็ดขาด เป็นเพียงแค่คำลอย ๆ เท่านั้น เพราะด้วยลูกตื๊อ และคอยดูแลนางเอกไม่ห่าง ทำให้ทั้งนางเอกยอมใจอ่อน อย่างไรก็ตามหากได้ดูเรื่องนี้ควรนำหมอนมาวางเอาไว้ข้าง ๆ เพราะมีจังหวะฟินหลายฉากด้วยกัน แถมเคมีระหว่าง วอนจินอา กับ โรอุน-SF9 เข้ากันจนแฟน ๆ คิดว่าทั้งคู่เป็นแฟนกันจริง ๆ 

ละครตอนยาวหรือที่หลายคนมักเรียกติดปากว่า “ซีรีย์” ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบางเรื่องได้รับความสนใจจากต่างประเทศ จนถูกซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทำในแบบฉบับของประเทศต่าง ๆ นอกจากนั้นยังหาดูได้ง่ายในแพล็ตฟอร์มดูหนังทั่วไป อาทิเช่น Netflix , WeTV , Viu , IQIYI , iflix รวมถึง Linetv เป็นต้น

หน้ากากอนามัย ถือว่ามีความจำเป็นต่อทุกคนอย่างมาก เพราะอย่างที่เราทุกคนกำลังประสบกันอยู่ในภาวะของมลพิษต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น รวมถึงปัญหาของไวรัสโคโรนาที่ยังคงแพร่ระบาดอย่างหนักในระหว่างนี้ ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยของตัวเองและคนรอบข้าง อุปกรณ์ชนิดนี้จึงมีความสำคัญต่อทุกคนอย่างมาก

หน้ากากอนามัย คืออุปกรณ์ที่ช่วยป้องกันติดเชื้อโรคโควิด-19 ได้ดีที่สุด

ถึงแม้ว่าหน้ากากอนามัยจะเป็นอุปกรณ์ชิ้นเล็ก ๆ และไม่ได้มีเทคโนโลยีอะไรเพิ่มเติม แต่ Mask สามารถช่วยให้เราทุกคนลดโอกาสป่วยได้สูงมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลานี้อย่างเรื่องของเชื้อไวรัสโคโรนา ซึ่งกำลังเป็นปัญหาของมวลมนุษย์ทั่วโลก และสามารถกระจายเชื้อไวรัสในอากาศหรือสิ่งของต่าง ๆ ได้นานพอสมควร

ผ้าปิดจมูกเป็นสิ่งของที่ทุกคนต้องมี

ทั้งนี้ถึงแม้ล่าสุดประเทศต่าง ๆ สามารถคิดค้นวัคซีนออกมาต่อสู้กับไวรัสได้แล้ว และยังมียาที่ใช้ต้านไวรัสตัวนี้ออกมา แต่ถึงอย่างไรสิ่งเหล่านั้นไม่สามารถต่อสู้หรือป้องกันการติดต่อของไวรัสดังกล่าวได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ดังนั้นการใส่หน้ากากอนามัยยังคงเป็นสิ่งสำคัญเป็นของทุกคน

ทั้งนี้แมสก์ 5 แบบที่ทุกควรต้องติดตัวเสนอมีดังนี้

1. หน้ากากอนามัยทางการแพทย์

หน้ากากอนามัยแบบมาตรฐานที่ใช้สำหรับวงการแพทย์หรือบุคคลทั่วไป ซึ่งพบเห็นได้ง่ายมาก ส่วนวัสดุที่ใช้ทำหน้ากากชนินี้ขึ้นมาคือ ผ้าหรือพอลิโพรไพลีน ซึ่งเป็นพลาสติกที่มีความปลอดภัยต่อผู้ใช้สูงมาก โดยหน้ากากจะมีทั้งหมด 3 ชั้น เพื่อป้องกันฝุ่นละออง เชื้อโรค และมลพิษต่าง ๆ ที่ลอยอยู่ในอากาศ และเราไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า โดยภาพแล้วสามารถป้องกันเชื้อโรคต่าง ๆ เข้าสู่ร่างกายได้ถึง 99 เปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ตามหากต้องการให้ได้ผลมากขึ้นควรใช้อย่างน้อย 2 แผ่นขึ้นไป เพื่อความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้น 

2. หน้ากากอนามัยคาร์บอน

หน้ากากชนิดนี้จะมีสีดำ แต่หลายคนที่ยังไม่รู้อาจยังไม่เข้าใจว่าต่างจากแบบแรกอย่างไร โดยคุณสมบัติทั่ว ๆ ไป หน้ากากชนิดนี้เหมือนกับหน้ากากทางการแพทย์ทั่วไป แต่มีความพิเศษมากขึ้นตรงที่เพิ่มชั้นคาร์บอนเข้ามา ซึ่งทำให้ช่วยกลั่นกรองกลิ่นที่เราไม่พึงประสงค์ได้มากขึ้น นอกจากนั้นยังมีความหนาของเส้นใยมากถึง 4 ชั้น ทำให้สามารถกรองเชื้อโรคได้ดีกว่ามาก แต่ไม่ค่อยพบเห็นมากนักในท้องตลาดทั่วไป

3. หน้ากากอนามัยชนิด N95

สำหรับ N95 เป็นหน้ากากที่ฮิตกันมากที่สุดช่วงที่ฝุ่น PM 2.5 ปกคลุมอย่างหนักในประเทศไทย และหลาย ๆ ประเทศ ซึ่งในช่วงเวลานั้นราคาค่อนข้างสูงพอสมควร ส่วนในปัจจุบันยังคงเป็นหน้ากากที่หายากเช่นเดียวกัน เพราะนอกจากจะใช้สำหรับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข รับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาแล้ว ปัจจุบันการผลิตหน้ากากชนิดนี้ออกสู่ตลาดแทบจะไม่เพียงพอกับความต้องการของผู้บริโภค ส่วนการป้องกันถือว่าป้องกันได้ดีกว่า 2 แบบแรกสูงมาก เนื่องจากทำมาจากโพลีโพรพีลีน ซึ่งมีอนุภาคขนาดเล็ก จนสามารถดักจับ PM2.5 ไปจนถึง PM10 แต่ข้อควรระวังคือต้องเช็คให้ดีว่าได้รับมาตรฐานจาก FDA หรือเปล่า

4. หน้ากากอนามัยแบบ FFP1

สำหรับเจ้าตัวนี้มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ N95 แต่มีความพิเศษตรงที่สามารถป้องกันสารเคมี ฟูมโลหะ แถมยังปกปิดบริเวณหน้า ช่วงปาก และจมูกได้อย่างมิดชิด แต่ไม่ค่อยพบเห็นมากนัก อีกทั้งราคาค่อนข้างสูงไม่น้อยเหมือนกัน

5. หน้ากากอนามัยแบบผ้า

สำหรับหน้ากากผ้าในปัจจุบันถือว่าเป็นอีกหนึ่งรูปแบบที่คนนิยมใช้กันจำนวนมาก เนื่องจากราคาถูก หรือบางครั้งมีการแจกฟรี อีกทั้งยังมีข้อดีคือสามารถใช้ซ้ำได้ รวมถึงสามารถลดปริมาณขยะ แม้ว่าการป้องกันจะไม่เต็มร้อยก็ตาม แต่อย่างน้อยช่วยลดปริมาณสารพิษ หรือเชื้อโรคต่าง ๆ เข้าสู่ร่างกายได้แน่นอน และบรรเทาความรุนแรงของโรคที่จะตามมาได้ แต่อาจจะน้อยกว่าหน้ากากอนามัยแบบอื่น 

หน้ากากอนามัยชนิดต่าง ๆ ในปัจจุบันถือว่าเป็นอีกหนึ่งสิ่งของจำเป็นที่ต้องพกติดตัวไว้ตลอดเวลา เพราะด้วยสาเหตุหลักคือ การแพร่ระบาดของโรคโคโรนาซึ่งปัจจุบันเป็นปัญหาที่หลายคนต้องรับมือมาโดยตลอด นอกจากนั้นยังสามารถป้องกันฝุ่น PM2.5 ซึ่งยังเป็นปัญหาที่หลายคนต้องรับมือมาตั้งแต่หลายปีก่อนหน้านี้